เลี้ยงลูกในวัยเด็กอย่างไร ให้เชื่อฟัง ไม่อาละวาดเอ็ดตะโร

คนที่กำลังเป็นพ่อแม่ หรือที่เคยผ่านการเลี้ยงลูกมาแล้ว ส่วนใหญ่จะมีปัญหาในการเลี้ยงลูกในวัยเด็ก โดยเฉพาะในเรื่องการไม่เชื่อฟังของลูก เช่น เวลาบอกให้เขาทำอะไร เขาจะเฉยไม่ทำตาม แต่เวลาห้ามไม่ให้ทำอะไรบางอย่างที่เขาอยากทำ เขาจะขัดขืนและอาละวาด และอีกหลาย ๆ พฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่น่ารัก ที่เด็ก ๆ จะแสดงออกมาต่าง ๆ กันไป ของแต่ละครอบครัว

และนี่คือเรื่องจริงที่พ่อแม่หลายคนพบเจอ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากพบ ไม่อยากเจอกับลูกที่มีนิสัยแบบนี้  หลายครั้งที่เราเคยไปห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่าง ๆ มักจะเจอเด็ก ๆ หลายคนที่ลงไปนอนดิ้นกับพื้น หรือกำลังร้องให้เสียงดังเอ็ดตะโร และเด็กหลายคนก็เลือกที่จะแสดงอาการไม่พอใจ ฉุดกระชากลากดึงกันกับพ่อแม่ เมื่อไม่ได้ดังใจ นี่แหละที่เขาเรียกว่า “ลูกเทวดา”อยากได้อะไร อยากทำอะไร ต้องได้เดี๋ยวนั้น ต้องทำเดี๋ยวนั้น

ลองมาดูวิธีการเลี้ยงลูกให้เชื่อฟัง ตั้งแต่วัยเด็ก ตามหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งอาจจะช่วยคุณได้

วิธีการเลี้ยงลูกให้เชื่อฟังตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยหลักคำสอนของพระเยซู ซึ่งถึงแม้จะเป็นหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ แต่เราชาวพุทธก็นำมาใช้ได้ เพราะทุกศาสนาก็สอนให้ทุกคนเป็นคนดีอยู่แล้ว ซึ่งวิธีการสั่งสอนลูกตามหลักการของเขา คือ 

1.ต้องเป็นผู้นำ ชัดเจนในบทบาทของตนเอง ใช้อำนาจอย่างสมดุล เพราะการตามใจเด็ก ๆ มากเกินไป จะทำให้เด็กไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก สุดท้ายก็กลายเป็นคนที่มีนิสัยเอาแต่ใจ และคิดว่าตนเองมีสิทธิเหนือคนอื่นในทุกเรื่อง

2.ต้องอบรมสั่งสอนให้เขาเชื่อฟัง เพื่อให้เกิดการควบคุมอารมณ์ รวมทั้งตั้งกฎและลงโทษถ้าเขา ไม่เชื่อฟัง การทำแบบนี้จะทำให้สถานการณ์แย่ ๆ นอกบ้าน เกิดได้น้อยลงนั่นเอง

3.ต้องชัดเจนในคำสั่ง ไม่ใช่พูดเพียงขอให้เชื่อฟัง เช่น พูดว่า “ช่วยทำความสะอาดห้องให้หน่อยได้ไหม”

การพูดแบบนี้ ลูกจะเข้าใจว่าเป็นแค่การแสดงมารยาทที่ดี และยังทำให้อำนาจของพ่อแม่ลดลงด้วย เด็กจะคิดว่าเป็นแค่คำขอ จะทำหรือไม่ทำก็ได้  ดังนั้นพ่อแม่ต้องสั่งอย่างชัดเจน

4.ต้องเด็ดเดี่ยว อย่าเสียเวลาต่อรองกับลูก ว่าทำไมคุณต้องทำแบบนี้ ให้คำว่า “ใช่” หมายความว่า “ใช่”

และคำว่า “ไม่” หมายความว่า “ไม่”

5.ต้องแสดงความรัก ความห่วงใยลูก และการปกครองในครอบครัวก็ต้องเป็นแบบประชาธิปไตย ไม่ใช่
แบบเผด็จการ

การสั่งสอนและเลี้ยงลูกให้เชื่อฟังตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ในวัยเด็ก จะทำให้เขาเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ เป็นเด็กดี ไม่อาละวาดเอ็ดตะโร และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีเหตุผล เพราะเขาได้รับการสั่งสอนมาดี ได้รับความรัก ความห่วงใย ความอบอุ่นมาจากพ่อแม่อย่างเพียงพอในวัยเด็ก

 

หากสามีนอกใจ มีเมียน้อย ภรรยาต้องมี อรุณา จากละครเมีย 2018 เป็นไอดอล    

ละครดังสนั่นจอประจำปีนี้ คงจะหนีไม่พ้นละครภาคค่ำเรื่องเมีย 2018 เป็นละครที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีกระแสในโซเชียลนานหลายวัน แถมมีเรทติ้งสูงเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวกับผัว ๆ เมีย ๆ สะท้อนปัญหาชีวิตคู่ในสังคม และเนื้อเรื่องเข้มข้น สนุกสนานชวนติดตาม รวมทั้งสามารถนำมาเป็นแนวทางปรับใช้กับชีวิตคู่ในชีวิตจริงของบางคนได้

สาเหตุของปัญหาชีวิตคู่ ที่ทำให้ครอบครัวแตกแยกหรือหย่าร้างกัน

สามีภรรยาเมื่อตกลงแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ก็อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุขจนวันตาย แต่ก็มีหลายคู่ไม่ได้เป็นแบบนั้น จึงทำให้ครอบครัวแตกแยก จนต้องหย่าร้างกันไป โดยการหย่าร้างมีอยู่ในสังคมทุกชนชั้น ทุกอาชีพ แม้กระทั่งดารา ไฮโซ ที่มีความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียง บางคู่ก็ยังอยู่ด้วยกันไม่ได้ ด้วยสาเหตุ “ทัศนคติไม่ตรงกัน” หรือ “ Life style ต่างกัน” หรือเหตุผลอื่น ๆ

แต่จากละครเรื่อง เมีย 2018 สาเหตุของการหย่าร้าง เกิดจากอรุณา ซึ่งเป็นเมียหลวงที่ถูกกันยาที่เป็นญาติ แต่นับถือกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ แย่งสามีไปเพราะความใจดีของเธอ และความไม่รู้จักพอ หลงใหล ในกิเลสสิ่งยั่วยวน ไม่มีสติ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ของสามีอย่างธาดา จนทำให้ครอบครัวมีปัญหาต้อง เลิกราหย่าร้างกันไป

วิธีการแก้ปัญหาเมื่อชีวิตคู่ต้องหย่าร้าง

คนเป็นภรรยา เมื่อสามีมีเมียน้อย ให้มีสติและเข้มเข็ง ไม่จมอยู่กับความทุกข์โดยให้ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องการแต่งตัว หางานหรืออาชีพทำ เพราะจะได้มีรายได้ ไปสังสรรค์หรือเข้าสังคมบ้างเพื่อพบปะผู้คน หรือเข้าวัดฟังธรรม ปรึกษาหารือกับครอบครัว เพื่อนหรือคนสนิทที่ไว้ใจได้ รวมทั้งไม่คิดว่าสามีที่เลิกรากันเป็นศัตรู ให้คิดว่าเขาเป็นเพื่อน เพราะยังมีลูกที่เป็นพันธะผูกพัน ต้องคุยปรึกษาหารือเรื่องการเลี้ยงดู และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับลูกอีกนาน เพื่อให้ลูกได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากการหย่าร้างของพ่อแม่

ซึ่งแน่นอนภรรยาที่สามารถแก้ปัญหาและผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้  ชีวิตก็จะสุขกายสบายใจ และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่สวยและดูดีขึ้น การงานเจริญก้าวหน้า การเงินดี ตนเองและลูกมีความสุข ฯลฯ จนเป็นที่อิจฉาของเมียน้อย และเป็นที่เสียดายของสามีเก่า นอกจากนี้อาจจะได้เจอคนรักใหม่ที่ดีกว่าสามีเก่า เหมือนที่อรุณาเจอกับวศิน ผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนอยากได้มาครอบครอง และได้รับการยกย่องให้เป็น สามีแห่งชาติจากละครเรื่อง เมีย 2018

 

ทำไมปัจจุบัน หลาย ๆ คน อยากมีอาชีพอิสระ เป็นฟรีแลนซ์

มนุษย์เงินเดือนหลายคนอยากมีอาชีพอิสระ แสวงหาช่องทางเพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือที่เราเรียกกันว่า “ฟรีแลนซ์” เพราะความเหนื่อยหน่ายกับกฎเกณฑ์จนไม่อยากทำงานประจำอีกต่อไป แถมเหล่าฟรีแลนซ์สามารถเลือกเวลาทำงานและวันหยุดได้ ไม่ต้องการอยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร ไม่ต้องมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ทั้งทางด้านการเงินและสังคม สามารถรับงานได้หลายงานถ้าสามารถทำไหว และถ้ามีชื่อเสียงจะทำให้รายได้ดีกว่าการทำงานประจำด้วยซ้ำ ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้ไกลออกไปมากขึ้น จนบางคนก็ตั้งเป็นบริษัทของตัวเองขึ้นมาในที่สุด รวมทั้งบางคนก็อยากทำอาชีพฟรีแลนซ์ที่เป็นงานตามความฝันของตนเองด้วยเช่นกัน

ข้อเสียของการเป็นฟรีแลนด์

การเป็นฟรีแลนซ์ มีข้อเสียคือ งานไม่แน่นนอน บางครั้งมี บางครั้งไม่มี และบางอาชีพก็ขึ้นอยู่กับ

เทศกาลด้วย ซึ่งมีผลทำให้มีรายได้ไม่แน่นอนตามมา  ต้องรับผิดชอบด้วยตนเองทุกย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจ การแก้ไขงาน การลงทุน และอาจถูกโกงจากคนจ้างได้ง่าย และยังไม่ได้รับผลประโยชน์  หรือสวัสดิการอื่นๆ เหมือนกับการทำงานประจำ เป็นลูกจ้างในบริษัท หรือองค์กรต่างๆ เช่น โบนัส ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การมีสังคมในที่ทำงาน การได้รับการอบรมพัฒนาอาชีพ

ขาดประสบการณ์จากการทำงานโดยที่ตนเองไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ใช้เพียงความสามารถ แรงงาน

และสติปัญญาของตนเองเท่านั้น

แล้วต้องพิจารณาอย่างไรว่าควรทำอาชีพฟรีแลนซ์ หรือไม่     

ถ้าทำงานประจำอยู่แล้ว อยากลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ก็ต้องศึกษาข้อมูล โดยพิจารณาจาก

ข้อดี ข้อเสียของการเป็นฟรีแลนซ์ให้ดีก่อน เพราะอาชีพฟรีแลนซ์ ก็เหมือนกับทุกอาชีพ ที่มีทั้งที่ทำแล้วประสบผลสำเร็จ และทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ขึ้นอยู่กับปัจจัยและเงื่อนไขหลาย ๆ อย่าง เช่น  ประเภทธุรกิจ ความสามารถความเป็นมืออาชีพของตนเอง ความต้องการของตลาด ความมีชื่อเสียง

ทำเลแหล่งที่ตั้ง เทคโนโลยี หรือแม้แต่ความโชคดี หรือโชคไม่ดี ฯลฯ

บางคนบอกถ้าลาออกจากงานประจำมาทำฟรีแลนซ์ แล้วไม่ประสบผลสำเร็จก็อาจจะตกงาน

ไม่มีอาชีพ ก็แนะนำว่ายังไม่ต้องลาออกจากงาน แต่ให้ลองทำงานฟรีแลนซ์ควบคู่ไปกับงานประจำก่อน โดยให้รับทำงานฟรีแลนซ์ในช่วงวันหยุด หรือช่วงที่มีเวลาว่างสักระยะหนึ่ง ก็จะเห็นว่าผลลัพธ์มันเป็นอย่างไร เช่น ถ้าทำแล้วเห็นลู่ทางมันไปได้ดีกว่างานประจำแน่นอน ก็ค่อยลาออกจากกงานประจำมาทำฟรีแลนซ์เต็มตัว แต่ถ้าทำแล้วเห็นปัญหา อุปสรรค แก้ไขแล้วก็ยังไม่ได้ ทำต่อไปเจ๊งแน่นอน มีแต่ขาดทุน เข้าตัว เสียเวลา ก็เลิกทำฟรีแลนซ์ โดยที่เราจะไม่ตกงานเพราะยังมีงานประจำรองรับอยู่

 

 

ลาออก กับถูกเลิกจ้างได้เงินทดแทนกรณีว่างานจากประกันสังคมต่างกันอย่างไร

มนุษย์เงินเดือนหรือคนที่เป็นลูกจ้างบางคน เมื่อทำงานมาสักระยะหนึ่ง อาจมีเหตุให้ต้องออกจากงานจากองค์กร

ที่เคยทำงานก่อนกำหนด หรือก่อนถึงวัยเกษียณด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป ซึ่งพอจะแยกได้ดังนี้

เหตุผลการออกจากงานมี 2 ประการคือ

1.ลาออกเอง  เกิดจากความต้องการของลูกจ้างอย่างสมัครใจ โดยอาจมีเหตุมาจากความจำเป็นหรือเหตุผลส่วนตัวบางประการ เช่น ต้องการย้ายที่ทำงาน ต้องการไปประกอบธุรกิจส่วนตัว  มีปัญหากับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานในองค์กร ฯลฯ

  1. ถูกเลิกจ้าง เกิดจากความต้องการของนายจ้าง ที่ต้องการลดจำนวนลูกจ้าง เนื่องจากขาดทุนหรือมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทน

ซึ่งแน่นนอนการออกจากงานไม่ว่าจะเป็นการลาออกเองหรือการถูกเลิกจ้าง ถ้าลูกจ้างไม่ได้ทำงานต่อทันทีก็จะว่างงาน ทำให้ขาดรายได้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว อาจมีผลกระทบต่อตนเองและครอบครัว แต่ลูกจ้างก็มีสิทธิได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานจากประกันสังคมนอกเหนือจากเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้าง กรณีถูกเลิกจ้าง

เงื่อนไขการมีสิทธิได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานจากประกันสังคม 

ต้องส่งเงินประกันสังคมมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนว่างงาน และต้องไม่มีความผิดจากการถูกเลิกจ้าง เช่น การทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย โดยการลาออกและถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานดังนี้

กรณีลาออก จะได้รับเงินทดแทนฯ ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง/เงินเดือน ปีละไม่เกิน 3 เดือน

กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนฯ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง/เงินเดือน ปีละไม่เกิน 6 เดือน

โดยอัตราค่าจ้าง/เงินเดือน ที่สำนักงานประกันสังคมนำมาคิดคำนวณในการจ่ายค่ากรณีว่างงานให้กับผู้ที่ใช้สิทธิ ก็คือค่าจ้างจริงของแต่ละคนที่นำส่งประกันสังคมแต่สูงสุดไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท และถ้าภายใน 1 ปี มีการขอรับเงินทดแทนฯ ทั้ง 2 กรณี คือทั้งกรณีลาออกและถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนฯ ทั้ง 2 กรณี รวมกันไม่เกิน 6 เดือน และถ้าว่างงานไม่ถึง  3 เดือน กรณีลาออก หรือไม่ถึง 6 เดือน กรณีถูกเลิกจ้างก็จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานตามระยะเวลาจริงที่ว่างงาน

ดังนั้นเมื่อว่างงานไม่ว่าจากการลาออกหรือถูกเลิกจ้างก็แล้วแต่ ถ้าเรามีสิทธิเบิกเงินทดแทนกรณีว่างงานจากประกันสังคม ก็ควรรีบดำเนินการไปขึ้นทะเบียนว่างงานเพื่อขอเบิกเงินดังกล่าวภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลาออก ตามที่กฎหมายประกันสังคมกำหนดเพื่อจะได้มีเงินหรือรายได้เข้ามาทดแทนในช่วงที่รายได้ขาดหายไป โดยสามารถขึ้นทะเบียนว่างงานได้ที่ สำนักงานจัดหางาน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือทางออนไลน์ https://empui.doe.go.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ โทร.1506

 

 

งดเหล้าเข้าพรรษา ทำอย่างไรให้ได้ผลจริง อย่าให้คิดได้ก็สายเสียแล้วแบบใครหลายคน

การงดเหล้าเข้าพรรษา ถือเป็นการรณรงค์ให้คนที่ติดเหล้าทำดีให้กับตนเอง คนที่คุณรักหรือสังคมในช่วงเวลาหนึ่ง  แต่จะดีกว่าไหม ถ้าสามารถเปลี่ยนจากการงดเหล้าแค่ช่วงเข้าพรรษามาเป็นการเลิกเหล้าถาวร โดยใช้ช่วงเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งนอกจากเป็นการเริ่มต้นการเลิกเหล้าแล้ว ยังเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยการใช้โอกาสจากเทศกาลงานบุญ

ลดการทำบาป  เพื่อให้สุขภาพกาย สุขภาพจิต และสังคมดีขึ้น

แต่สำหรับคนที่ดื่มเหล้ามานาน ติดอย่างหนัก อาจจะเป็นเรื่องยากในการที่จะเลิกดื่มเหล้า ไม่ว่าเข้าพรรษาหรือเทศกาลใดก็คงเลิกไม่ได้  แนะนำให้มุ่งมั่นตั้งปณิธานว่าเราต้องทำได้ และทำอย่างจริงจัง นึกถึงผลเสียของการดื่มเหล้าว่าชีวิตจะพังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว การงาน สุขภาพ จนสุดท้ายพังถึงขั้นเสียชีวิตก็เพราะพิษสุรา

ผลเสียของการดื่มเหล้า

การดื่มเหล้าเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้หลายโรค ประสิทธิภาพในการทำงาน การทำกิจกรรมต่าง ๆ ลดลง และยังส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม อาชญากรรม และอุบัติเหตุต่าง ๆ

ขั้นตอนและวิธีการเลิกเหล้า

  1. ตั้งเป้าหมายว่าจะเลิกเหล้าเพื่อใคร หรือเพื่ออะไร เริ่มเมื่อไหร่ และจะเลิกให้สำเร็จภายในระยะเวลาเท่าใด โดยระเวลาสิ้นสุดนี้ยืดหยุ่นได้ตามความสามารถในการปรับสภาพของร่างกายในช่วงเลิกเหล้า
  2. บอกคนในครอบครัวให้เป็นกำลังใจ
  3. วางแผนค่อย ๆ ลดปริมาณ และความถี่ในการดื่มลงไปเรื่อย ๆ อย่าเลิกทันทีเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอาการขาดเหล้าเฉียบพลันได้
  4. รู้จักปฏิเสธคน คนดื่มเหล้าบางครั้งก็เพราะเพื่อนชวน หรือต้องเข้าสังคม งานสังสรรค์ต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องรู้จักปฏิเสธ เช่นอาจปฏิเสธว่าพรุ่งนี้มีประชุมเช้า หรือหมอสั่งห้าม ฯลฯ
  5. เก็บอุปกรณ์และขวดเหล้า ที่ทำให้เปรี้ยวปากอยากเหล้าให้มิดชิด
  6. เปลี่ยนกิจกรรม ในช่วงเวลาที่เคยดื่มเหล้าประจำ หันมาทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน เช่น การออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ พักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว หรือทำอย่างอื่นที่ชอบหรือสนใจ
  7. ไม่ไปเที่ยวคลับ บาร์ งานปาร์ตี้วันศุกร์ ที่เป็นสถานที่แก๊งคอทองแดงมารวมตัวกันเป็นประจำ
  8. ตั้งใจทำอย่างจริงจัง ไม่ลังเล อย่าท้อ หากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่าโทษตนเอง ให้เริ่มต้นใหม่ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สอบถามเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนเลิกเหล้า 1413

สิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคนที่ต้องการเลิกเหล้าคือ “กำลังใจ” จากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดที่

สนิทสนมที่มีความสัมพันธ์แนบแน่น เช่น เพื่อนสนิท ลูกน้องที่รู้ใจ ฯลฯ ต้องส่งเสริมสนับสนุน ชื่นชม และเชื่อมั่นว่าเขาทำได้แน่นอน อย่าดูถูก สบประมาทว่าเขาทำไม่ได้ เพราะการที่ใครสักคนคิดจะเลิกเหล้า ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แสดงว่าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น จึงคิดจะทำ ถ้าเขาทำได้ ทำสำเร็จ มันไม่ใช่ชีวิตเขาเท่านั้นที่จะดีขึ้น ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ ก็จะดีขึ้นด้วย เพราะปัญหาต่าง ๆ อันสืบเนื่องมาจากการดื่มเหล้า เช่น อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับก็จะลดลง