กินคลีนเพื่อสุขภาพ หรือสร้างภาพตามกระแสสังคม

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพมากยิ่งขึ้น เริ่มมีการแบ่งเวลาในการดูแลรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ จึงทำให้กระแสการรับประทานอาหารคลีนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง

หากจะให้พูดถึงคำว่า อาหารคลีน เชื่อได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะอาหารคลีนถือเป็นอาหารยอดฮิตที่คนรักสุขภาพมักจะนิยมรับประทาน โดยเฉพาะสำหรับหนุ่มสาวที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก หรือดูแลรูปร่างสัดส่วนอาหารคลีนจึงแทบจะเป็นอาหารมื้อหลักในชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงหลักการรับประทานและประโยชน์ที่ได้รับจากการทานอาหารคลีนอย่างแท้จริง

กินคลีนเพื่อสุขภาพหรือกระแสนิยม

หลักการที่ถูกต้องของการดูแลสุขภาพต้องประกอบด้วยอย่างน้อย 3 ส่วนหลัก คือ

  1. 1. การออกกำลังกาย ไม่มีกฎหรือทฤษฎีใดที่บ่งบอกอย่างตายตัวว่า คนเราควรออกกำลังกายกี่ชั่วโมงต่อวัน ขอเพียงแค่คุณได้ขยับในระหว่างวันทำงาน แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว
  2. 2. การรับประทานอาหาร คงไม่มีใครที่อยากจะรับสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายเป็นอย่างแน่ ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกเสียมากกว่า
  3. 3. การพักผ่อนที่เพียงพอ หนุ่มสาวยุคใหม่มักจะนอนดึกตื่นเช้า ซึ่งถือเป็นค่านิยมที่ผิดเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ร่างกายไม่พร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลง

ทั้งสามส่วนข้างต้นถือว่าเป็นวิธีการดูแลสุขภาพที่ควรปฏิบัติให้ควบคู่กันไป เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่กำลังกลายเป็นกระแสนิยมที่ค่อนข้างจะน่าเป็นห่วง คือ วิธีการเลือกรับประทานอาหาร คนส่วนมากมักจะหันไปให้ความสนใจกับอาหารคลีนมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงาน มักเลือกวิธีการรับประทานอาหารคลีนเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการออกกำลังกาย หรือใส่ใจในเรื่องของการพักผ่อน บางคนรับประทานอาหารคลีนเป็นมื้อหลัก แต่ยังคงติดนิสัยกินของทอดของมันเช่นเดิม จึงไม่ค่อยมั่นใจว่า การรับประทานอาหารคลีนนั้น มีจุดประสงค์เพื่อต้องการดูแลตัวเองอย่างแท้จริง หรือเพียงแค่ต้องการทำตามกระแสนิยมของสังคมปัจจุบันกันแน่

หากวันนี้คุณกำลังเป็นคนที่ปฏิบัติครบทั้ง 3 ส่วน นั้นแสดงว่าคุณคือคนที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง แต่ถ้าถามว่าการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเพียงสองอย่างผิดหรือ คำตอบคือไม่ผิด เพราะไม่ว่าคุณจะทำกี่อย่าง มันก็คือวิธีการดูแลตัวเองทั้งสิ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ สุขภาพรูปร่างหน้าตาที่ดี แต่หากวันนี้คุณคือคนที่บอกกับตัวเองและคนอื่น ๆ ว่า ฉันเป็นคนใส่ใจสุขภาพ โดยเลือกกินอาหารคลีนเพื่อรูปร่างและร่างกายที่แข็งแรง ก็ขอให้คุณลองพิจารณาเพื่อความมั่นใจอีกสักครั้งว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่ คือการดูแลตัวเองหรือกำลังเดินตามกระแสสังคม เพราะบางทีการที่คุณเลือกเพียงแค่วิธีการเดียว อาจจะไม่ได้สุขภาพและร่างกายที่ดีขึ้น แต่กลับจะทำให้ย่ำแย่ลงก็เป็นได้

 

งานบวชเล็กใหญ่ มองอย่างไรให้ได้แง่คิด

อย่างที่ทราบกันดีว่าตามขนบธรรมเนียม เมื่อใดที่ชายไทยอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์จะต้องทำหน้าที่อันพึงสมควรปฏิบัติคือ การบวชเรียน เพื่อศึกษาหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา และมีนัยยะสำคัญเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาหรือผู้เลี้ยงดู ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ช่วงระยะเวลาที่ลูกชายอายุครบเกณฑ์ที่กำหนด คนเป็นพ่อเป็นแม่จะมีความสุขที่เปล่งประกายออกมาจากข้างในมากเป็นพิเศษ เพราะการบวชของลูกผู้เป็นที่รักเปรียบเสมือนแสงสว่างนำทางหรืออย่างที่เรียกกันว่า เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ และยิ่งถ้าหากครอบครัวใดที่มีลูกผู้ชายเพียงคนเดียวด้วยแล้วละก็ พิธีงานบวชย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ยิ่งคนร่ำรวยเงินทอง มีอำนาจใหญ่โต ก็มักจะจัดงานให้สมกับฐานะทรัพย์สมบัติที่ตนมี โดยอาจจะกำลังหลงลืมอะไรบ้างอย่างที่เป็นหัวใจหลักในการบวชของลูกชายที่แท้จริงไปเสียก็ได้ แต่ไม่ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะจัดงานเล็ก งานใหญ่เพียงใด คนบวชผู้เป็นลูกก็ถือว่าได้ทดแทนบุญคุณให้กับพ่อแม่

ความจริงแล้วในพิธีการบวชยังคงมีความงดงามอีกหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใน ไม่ได้มีแต่เพียงความกตัญญูที่ลูกตอบแทนบิดามารดา หรือไม่ได้มีแต่เพียงความงดงามภายนอกที่ผ่านออกมาจากทางแสง สี เสียง เครื่องไฟที่ใช้ในการประดับตกแต่งงาน แต่ถ้ามองให้ลึกกว่านั้น พิธีงานบวชยังคงแฝงไปด้วยคติธรรมที่สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้อีก เช่น

– การทำบุญโดยการแสดงความประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่ หรือตามหลักพระธรรมคำสอนเรียกว่า อปจายนมัย ก่อนที่นาคจะเข้าสู่พิธีการอุปสมบทจะต้องมีการกราบลา ล้างเท้า เพื่อเป็นการขอขมาในสิ่งที่อาจจะเคยประพฤติปฏิบัติไม่ดีแก่ผู้เป็นบิดามารดาและผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ สำหรับบางคนแล้วโอกาสนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้แสดงความเคารพก็เป็นได้

– การทำให้ผู้อื่นมีความสุข งานบวชก็ไม่ต่างจากงานรื่นเริงอื่นย่อมต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ มีแสงไฟ เสียงเพลงดนตรี มีความสนุกสนาน ญาติมิตรได้มีโอกาสมาพบปะพูดคุยกัน แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มจากญาติพี่น้อง ผู้เฒ่าผู้แก่ คนในครอบครัวเท่านี้ก็ถือว่าได้บุญมากแล้ว

– การให้ทาน จะเห็นว่าในทุกงานบวช ผู้บวชจะต้องมีการโปรยเงินก่อนเข้าสู่พิธีการอุปสมบท เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานได้นำกลับไปเป็นสิ่งมงคล เพราะถือว่าเงินนี้คือเงินบริสุทธิ์ แต่สำหรับคนที่มีความเป็นอยู่ที่ขาดแคลน เงินที่ได้จากการโปรยในครั้งนี้ อาจจะดำรงชีวิตของเขาและคนในครอบครัวได้ต่อไป

คนภายนอกอาจจะมองว่างานบวชเป็นแค่งานบันเทิงหรืองานประเพณีของคนในบางท้องถิ่นเพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว แก่นสารของการจัดงานบวชก็ยังคงมีอะไรที่สวยงามแอบแฝงอยู่มากกว่าที่คิด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นและนำมาปรับใช้อย่างไร และที่สำคัญหากคุณได้มีโอกาสเกิดมาเป็นลูกผู้ชายแล้ว ขอให้จงรักษาขนบธรรมเนียมนี้ไว้ให้ดำรงอยู่ เพราะหน้าที่สำคัญนี้ คนที่เกิดเป็นลูกผู้หญิงไม่สามารถทำแทนได้ คุณจึงคือความหวัง และความภาคภูมิใจของผู้เป็นพ่อเป็นแม่

 

พุทธศาสนาหรือธุรกิจ ความเชื่อหรือแค่เรื่องงมงาย

โดยปกติแล้วนิสัยคนไทยส่วนใหญ่ เวลาที่ชีวิตประสบกับปัญหาหรือมีสิ่งที่มารบกวนก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นภายในจิตใจ มักจะหาทางออกด้วยวิธีการเข้าวัด ทำบุญทำทาน และจบลงด้วยการพนมมือไหว้ขอพรพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดจึงกลายเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยิ่งถ้าเป็นคนที่กำลังมีความทุกข์อยู่ด้วยแล้ว วัดก็แทบจะกลายเป็นสถานที่เดียวที่สามารถตอบโจทย์ได้มากที่สุด เพราะคนไทยต่างก็มีความเชื่อว่าหากเข้าวัดจะทำให้จิตใจสงบสามารถหาทางออกให้กับปัญหาได้ และการได้ไหว้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยด้วยแล้วละก็ จะยิ่งทำให้ความทุกข์นั้นลดลงหรือหายไปในที่สุด โดยที่ไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วการที่ความทุกข์นั้นหายไปเป็นเพราะเขาสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ด้วยตัวเอง หรือเป็นพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือกันแน่

จะเห็นได้ว่าหากคนไทยให้ความสำคัญกับการเข้าวัดมากเท่าไร วัดก็จะพัฒนามากขึ้นเท่านั้น สังเกตได้จากในปัจจุบันมีวัดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทุก ๆ วัด ก็จะพยายามหาวิธีการหรือสิ่งดึงดูดให้คนเข้ามาร่วมทำบุญมากยิ่งขึ้น แต่การทำบุญในสมัยนี้ไม่ใช่การถือปิ่นโตใส่กับข้าวเพื่อให้พระได้ฉันเพียงอย่างเดียวเหมือนสมัยก่อน แต่ยังต้องมีเรื่องของการถวายจตุปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยใช้วิธีการสื่อสารภายใต้คำว่า “บริจาคตามกำลังศรัทธา” ประกอบกับนิสัยคนไทยมีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นทุนเดิมของชีวิตอยู่แล้ว จึงพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับคำว่าบริจาคได้อย่างเต็มที่ และมักจะก่อให้เกิดความเข้าใจแบบผิด ๆ ที่ว่า ยิ่งบริจาคมากยิ่งได้บุญมาก

ปัจจุบันจึงมีวัดไม่น้อยที่พยายามทำให้สถานที่และบรรยากาศภายในวัด เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจให้คนอยากเข้ามาร่วมบริจาคมากยิ่งขึ้น วัดไหนสวย วัดไหนดัง วัดไหนใหญ่ ผู้คนจำนวนมากก็เกิดความต้องการที่จะเดินทางไปเยี่ยมชม  เมื่อผู้คนเดินทางไปมากก็ยิ่งทำให้วัดได้รับบริจาคปัจจัยที่เพิ่มมากขึ้น จึงเกิดคำถามว่า

ปัจจัยที่ได้รับนำไปใช้ประโยชน์ในด้านใด และเหมาะสมกับความจำเป็นหรือไม่ คำตอบคือ นำไปใช้ในการพัฒนาวัดให้มีความเจริญมากยิ่งขึ้น เช่น นำไปสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

และหากถามว่า ผิดหรือที่วัดต้องหาวิธีการเพื่อสร้างรายได้ คำตอบคือ ไม่ผิด เพราะวัดก็คือองค์กรหรือสถาบันหนึ่งที่ต้องดำรงรักษาไว้ จำเป็นต้องมีรายรับที่เป็นตัวเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายเช่นกัน

ฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะมีประเด็นหรือปัญหาอะไร เพราะสิ่งที่ทุกวัดกระทำล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นทั้งสิ้น แต่อยากให้ลองพิจารณาให้ดีอีกทีจะมองเห็นมุมมองในอีกมิติของการหารายได้เข้าวัดที่มากเกินความพอดี จนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า สิ่งที่กำลังกระทำอยู่นั้น คือ หลักการพุทธศาสนาหรือธุรกิจพุทธศาสนากันแน่

หากมองย้อนกลับไปสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระองค์มีแค่เพียงร่มเงาจากต้นศรีมหาโพธิ์เท่านั้น ไม่มีโบสถ์ วิหารใด แต่ทำไมพระองค์ถึงทรงบรรลุในหลักธรรมได้อย่างถ่องแท้ ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนลองพิจารณาตัวเองว่า แก่นสารที่แท้จริงของการสร้างบุญกุศลคืออะไร ไม่ผิดถ้าจะมีความเชื่อ ความศรัทธา แต่จงอย่าเอาความเชื่อ หรือความศรัทธา เป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินชีวิตที่มากเกินพอดี ไม่เช่นนั้น คุณจะกลายเป็นเครื่องมือของธุรกิจศาสนาแทน