ทั้งเหนื่อยทั้งท้อ เราจะสามารถให้กำลังใจตัวเองได้อย่างไร

ในบางวันก็เป็นวันที่เรามีความสุข มีกำลังใจในการเรียน กำลังใจในการทำงาน ในการใช้ชีวิตและต่อสู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา แต่ในบางวันก็มีช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่ามันมืดมน มองไปไม่เห็นทาง ไม่มีกำลังใจในการทำอะไรทั้งนั้น หลายคนโชคดีที่มีครอบครัว มีเพื่อน มีคนรักคอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างแต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา พวกเขาไม่ได้ไปกับเราทุกที่ ไม่ได้อยู่กับเราในทุกสถานการณ์พวกเขาย่อมมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง มีงานที่ต้องทำ มีธุระที่ต้องจัดการ มีความฝันที่อยากทำให้สำเร็จ เมื่อใดก็ตามที่เราและคนใกล้ตัวว่างไม่ตรงกันแล้วเราต้องการกำลังใจอย่างมาก เราเองก็สามารถสร้างกำลังใจเหล่านั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง คือเราเองก็สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ โดยทำได้ดังต่อไปนี้

  1. เขียนทุกความในใจออกมาเป็นตัวหนังสือ ถ้าไม่สะดวกให้หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาพิมพ์ในโน๊ต การเขียนโน๊ตมีแอพพลิเคชั่นรองรับความต้องการมากมาย ให้เขียนทุกสิ่งที่รู้สึกออกมาโดยไม่ต้องกรั่นกรองอะไรทั้งนั้น เพราะเขียนเสร็จแล้วเราจะโยนสิ่งที่เขียนทั้งหมดทิ้งไป เราจะลบข้อความเหล่านั้นทั้งหมดทิ้งไป วิธีนี้เป็นการระบายความในใจออกได้อย่างได้ผลที่สุด ทำไมต้องเขียนระบายความในใจของตัวเองออกมาก่อนที่จะเริ่มข้ออื่น ถ้าเปรียบความรู้สึกเราเหมือนแก้วน้ำใบหนึ่งที่ตอนนี้แก้วน้ำใบนั้นเต็มไปด้วย ชาเขียว ถ้าเราต้องการกินน้ำเปล่าเราไม่สามารถเทน้ำเปล่าลงไปในแก้วได้ทันที เราต้องเทชาเขียวทิ้งไปก่อนแล้วค่อยเอาแก้วไปใส่น้ำเปล่า ดังนั้นเราต้องเอาความรู้สึกแย่ ๆ ออกมาให้หมดก่อนแล้วค่อยใส่ความรู้สึกดี ๆ กลับเข้าไป
  2. ฟังเพลง ทุกวันนี้การฟังเพลงมีให้เลือกหลากหลายแนวมากขึ้น เพลงหลายเพลงแต่งขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจคนฟัง ทำให้รู้สึกดี ทำให้รู้สึกฮึดขึ้นมา ท้อเมื่อไหร่ก็สามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดฟังได้ทันที นอกจากจะทำให้เรามีกำลังใจฮึดขึ้นสู้ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา การฟังเพลงถือว่าเป็นการคลายเครียดที่ดีอย่างหนึ่ง และใช้เวลาแค่ไม่เกิน 5 นาที แต่ถ้าจะฟังหลายเพลงก็สามารถทำได้เช่นกัน
  3. เล่นกับสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยง เช่น น้องหมาและน้องแมว สามารถช่วยให้เจ้าของคลายเครียดและมีความสุขขึ้นได้และพวกเขาจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเรา ในต่างประเทศมีการฝึกสุนัขเพื่อบำบัดคนไข้ เพื่อปลอบโยน และเพื่อช่วยให้หายเครียด บางครั้งเมื่อน้องหมาหรือน้องแมวเห็นเจ้าของร้องไห้ก็จะเข้ามาปลอบ สำหรับคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงไว้ในครอบครองก็สามารถไปเล่นกับน้องหมาน้องแมวได้ตามคาเฟ่ต่าง ๆ ซึ่งมีไว้บริการโดยทั่วไป สำหรับคนที่แพ้ขนหมาขนแมว ให้ข้ามข้อนี้ไป
  4. บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันจะผ่านไป โลกนี้ไม่มีอะไรจะอยู่ตลอดไป ความรู้สึกที่ดี ความรู้สึกที่แย่ วันที่ดีที่สุด วันที่แย่ที่สุดล้วนแล้วจะผ่านไป ความรู้สึกมันเป็นเรื่องชั่วคราว อีก 5 ปีต่อมาเราอาจจะจำวันนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ บอกตัวเองว่าเดี๋ยววันนี้ก็ผ่านไป เราทำดีที่สุดแล้ว วันนี้เราจะกลับบ้าน กินข้าว อาบน้ำนอนแล้วพรุ่งนี้เราจะเริ่มต้นใหม่ เอาใหม่ ทำใหม่

ไม่ว่าจะในแง่ไหน การพูดย่อมง่ายกว่าการลงมือทำ การพูดว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้เพื่อให้กำลังใจตัวเองอาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายแต่การลงมือทำและทำให้เกิดผลจริง ๆ นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง วิธีที่ได้ยกขึ้นมานำเสนอเป็นเพียงทางเลือกหากเราต้องการให้กำลังใจตัวเอง ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้กินกาแฟปั่นจากร้านโปรด แต่การทดลองวิธีที่ได้ให้ไว้อาจจะทำให้ได้ค้นพบวิธีการให้กำลังใจตัวเองเพิ่มขึ้นก็ได้

สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าคุณเครียด แต่คุณไม่รู้ตัว

ความเครียดที่มากเกินไปส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเรา หากว่าเรารู้ว่าเราเครียด เราก็สามารถหาทางออกให้ตัวเองได้ทันทีที่ต้องการ แต่ในหลาย ๆ กรณี คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเครียด ความเครียดเกิดขึ้นได้ทุกวันและความเครียดในปริมาณที่พอดีเป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อเรา เช่น เครียดว่าจะนำเสนองานออกมาได้ไม่ดีก็เลย เตรียมตัวมาอย่างดี เครียดว่าจะทำข้อสอบไม่ได้ ก็เลยตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากมันมากเกินไปมันจะทำให้พฤติกรรมในชีวิตของเราเปลี่ยนไป แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว

  1. เป็นคนขี้ลืม การลืมสิ่งต่าง ๆ อย่างง่ายดาย เช่น ลืมกุญแจรถ เปิดไฟในห้องน้ำทิ้งไว้ ลืมหยิบขยะไปทิ้ง ลืมกุญแจบ้าน อาจจะไม่ใช่อาการหลงลืมทั่วไป เพราะความเครียดและความกระวนกระวายทำให้ความสามารถในการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ หรือความใส่ใจลดลง ความเครียดที่ต่อเนื่องและยาวนานสามารถลดความสามารถของสมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่เป็นศูนย์กลางของอารมณ์ ความจำและระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับอาการนี้คือการออกกำลังกาย
  2. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือลดลงอย่างรวดเร็ว หลาย ๆ คนเมื่อมีอาการเครียด อาการนี้จะส่งโดยตรงต่อพฤติกรรมการกินทันที เช่น บางคนกินมากกว่าปกติหรือไม่สามารถหยุดกินได้ บางคนกินน้อยกว่าปกติหรือกินไม่ลงซึ่งส่งผลโดยตรงต่อน้ำหนักตัวของคนนั้น ๆ
  3. ประจำเดือนมาผิดปกติ ความเครียดส่งผลให้ฮอร์โมนของผู้หญิงไม่สมดุล ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้หญิงคนนั้นมีความเครียดสะสม ซึ่งอาจจะเกิดจากการทำงานหรือชีวิตส่วนตัว อาการนี้สามารถแก้ไขได้โดยการออกกำลังกาย
  4. ปวดท้อง ระบบประสาทของมนุษย์เชื่อมต่อกับระบบทางเดินอาหารและความเครียดส่งผลต่อการเชื่อมต่อนั้น ความรู้สึกปวดท้องไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการกินเสมอไป
  5. นอนมากเกินไป ความเครียดทำให้สมองปล่อยอดีนารีนออกมามากเกินไป ซึ่งเมื่อเราได้รับสารนี้มากเกินไปจนเกิดอาการง่วงนอน แต่เมื่อนอนไปแล้วก็จะทำให้นอนไม่เต็มอิ่มเนื่องจากหลับ ๆ ตื่น ๆ และฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาก็มีอาการเหนื่อย หากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะทำให้เกิดอาการซึมเศร้าตามมาได้
  6. นอนไม่หลับ บางคนนอนไม่หลับเพราะแปลกที่ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ย้ายที่นอนบ่อย ๆ แล้วยังมีอาการนอนไม่หลับ เกิดขึ้นจากความเครียด มีเรื่องในหัวให้คิดมากมาย เกิดความกังวลใจเกิดขึ้น และระบบประสาทก็ไม่สามารถหยุดทำงาน การนอนไม่หลับทำให้ร่างกายไม่ได้ฟื้นตัว และไม่ได้รับการพักผ่อนซึ่งก่อให้เกิดโรคหลายโรคตามมา หากนอนไม่หลับทุกคืน มากกว่า 2 อาทิตย์ขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อได้อ่านบทความที่กล่าวมาทั้งหมดในเบื้องต้นแล้วและค้นพบว่าตัวเองมีอาการเครียดและอยากรับมือหรือขอความช่วยเหลือก็สามารถทำได้ทันที และอาการเครียดส่วนใหญ่หากยังไม่ใช่โรค สามารถแก้ไขได้ด้วยการออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งเอ็นดอร์ฟินออกมา ทำให้คลายเครียดและคลายความเจ็บปวด แต่หากกลายเป็นโรคแล้วก็ต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

เราจะรับมือกับความคาดหวังจากคนรอบข้างได้อย่างไร

อยู่โดยตอบสนองต่อความคาดหวัง การรับมือกับความคาดหวังเป็นอีกหนึ่งทักษะที่คนรุ่นใหม่ต้องฝึกฝน หลายวันมานี้ข่าวการกระโดดตึกฆ่าตัวตายของเด็กในวัยเรียนมีให้เห็นทุกวัน ซึ่งแน่นอนว่าการฆ่าตัวตายมีหลายสาเหตุแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองคือ ไม่สามารถทนทานต่อความคาดหวังที่มาจากตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้างและสังคมได้ การรับมือกับความคาดหวังเป็นสิ่งที่เราต้องทำทุกวัน เพราะเราต้องเจอความคาดหวังและแบกรับความคาดหวังเหล่านั้นทุกวัน วิธีการรับมือกับความคาดหวังมีดังต่อไปนี้

  1. เข้าใจความคาดหวัง เข้าใจว่าบางความคาดหวังก็สามารถกลายเป็นความจริงได้ บางความคาดหวังก็ไม่สามารถทำให้กลายเป็นจริงได้เนื่องจากขัดแย้งกับความเป็นจริงหรือสิ่งที่มีอยู่มากเกินไป แม้ว่าความคาดหวังว่าการสอบครั้งนี้เราต้องได้ A ทุกตัว แต่มันก็มีสิทธิ์ที่ความเป็นจริงเราอาจจะไม่ได้ได้ A ทุกตัว หรือความคาดหวังว่าเดือนหน้าเราจะเงินเดือนขึ้น 25% ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ 25% จริง ความคาดหวังเป็นสิ่งที่เรากำหนดไว้ก่อนหน้า แต่เรื่องความเป็นจริงคือสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งในหลาย ๆ กรณี เราไม่ใช่ตัวแปรในการควบคุมให้ความคาดหวังเหล่านั้นเป็นความจริงได้ 100%
  2. โฟกัสกับสิ่งที่เราทำในแต่ละช่วงเวลา กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว เราเองก็ไม่สามารถอ่านหนังสือ 10 เล่มแล้วเข้าใจได้ทั้งหมดภายในเวลา 3 ชั่วโมงได้เช่นกัน เราเองก็ไม่สามารถเรียนหมอและเป็นหมอได้ภายใน 1 ปี ทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน กระบวนการเรียนรู้เองก็มีระยะเวลาของมัน โฟกัสกับสิ่งที่เราทำในแต่ละช่วงเวลาจะทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้มากกว่า และเครียดน้อยลง
  3. พูดคุยกับแหล่งที่มาของความคาดหวัง หลาย ๆ ครั้งความคาดหวังในชีวิตเราเกิดจากพ่อแม่ เราเองก็ต้องคุยกับท่านเรื่องความคาดหวังเหล่านั้น โดยความคาดหวังคือนามธรรม ซึ่งบางครั้งเราอาจจะแปลความหมายไม่ตรงกันว่ามันคืออะไรบ้าง การพูดคุยกันอย่างเปิดอกทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
  4. เข้าใจความคาดหวังที่มีต่อตัวเราเอง หลายครั้งความคาดหวังมันจะเกิดจากการที่อยากให้เรามีชีวิตที่ดี เช่น เมื่อความคาดหวังนั้นมาจากพ่อแม่ พวกท่านย่อมอยากให้ลูกมีชีวิตที่ดี อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ แม้ว่าการกระทำหรือคำพูดที่แสดงออกมาจะทำให้เรารู้สึกเครียด แต่การกระทำเหล่านั้นเกิดมากจากความหวังดี
  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เมื่อเราพูดคุยกับแหล่งที่มาของความคาดหวังซึ่งในที่นี้คือพ่อแม่แล้ว แต่ยังไม่สามารถปรับความเข้าใจให้ตรงกันได้ เนื่องจากแนวความคิดที่แตกต่างกัน อายุที่ห่างกันมาก และบางครั้งด้วยคำสอนของสังคมไทยที่ลูกที่ดีจะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง ทำให้การอธิบายและการปรับความเข้าใจให้ตรงกันเป็นเรื่องยาก ในกรณีนี้ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคือทางออกที่ดี

เราไม่สามารถหลีกหนีจากความคาดหวังในชีวิตได้ แต่เราสามารถเรียนรู้วิธีการในการรับมือกับมันได้ ความคาดหวังหากมีในระดับที่พอดี จะทำให้เรามีแรงและกำลังใจในการต่อสู้และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นมากมาย แต่หากมีมากเกินไปเจ้าตัวเองจะรู้สึกถูกบีบอัด เกิดความเครียดสะสม จึงควรการมองหาทางออกที่เหมาะสมกับตัวเอง

เมื่อเราได้ทำผิดพลาดลงไปแล้ว เราจะให้อภัยตัวเองได้อย่างไร

ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่มีกิจกรรมทำตลอดเวลา ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่นความประมาทเลินเล่อในที่ทำงาน บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ลืมปิดเตาแก็สที่บ้านทำให้ไฟไหม้บ้านคลอกคนในครอบครัวเสียชีวิต เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ทำผิดลงไปแล้ว การให้อภัยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ การตอกย้ำตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเราทำผิดอย่างไรไม่สามารถช่วยให้เราผ่านเรื่องราวนี้ไปได้ และไม่ได้ช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วย หลายคนสามารถให้อภัยตัวเองได้อย่างง่ายดายและสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ บางคนกลับไม่สามารถใช้อภัยตัวเองได้ และเลือกที่จะจมอยู่กับความผิดพลาดที่ตัวเองได้ก่อขึ้นทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ การให้อภัยตัวเองสามารถทำได้อย่างไร

  1. ยอมรับความจริง ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้เกิดไปแล้ว ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอดีตไปแล้ว บางสถานการณ์เราสามารถแก้ไขได้และบางสถานการณ์เราไม่สามารถย้อนกลับไปไก้ไขอะไรได้ ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้วเป็นสิ่งแรกที่ต้องเกิดขึ้นในกระบวนการการเยียวยาตัวเอง
  2. จัดหมวดหมู่การกระทำของที่เราทำพลาดไป หมวดหมู่ของการกระทำที่มันยากที่จะให้อภัยตัวเอง แบ่งออกได้เป็น 4 หมวดใหญ่ ๆ คือ เราทำพลาดในเรื่องใหญ่ ๆ ของชีวิต เช่น พลาดในเรื่องการแต่งงาน การกระทำของเราทำร้ายคนอื่น เช่น เรานอกใจคู่รักของเรา การกระทำของเราทำร้ายตัวเอง เช่น ติดเหล้า ติดการพนัน และสุดท้ายเพราะเราไม่ทำบางอย่างจึงทำให้มีผลร้ายตามมา เช่น การไม่พาแม่ไปโรงพยาบาลแม่เลยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การจัดหมวดหมู่ของสิ่งที่เราทำพลาดไปทำให้เรามองเห็นการกระทำเหล่านั้นได้ชัดเจนขึ้น และทำให้เราสามารถเยียวยาตัวเองได้ง่ายขึ้น
  3. ปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึก การปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึกและรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง หากเราปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง จะทำให้กระบวนการในการเยียวยาตัวเองยืดระยะเวลาออกไป
  4. เข้าใจความต้องการของตัวเอง เข้าใจความต้องการของตัวเองที่ก่อให้เกิดการกระทำที่เราได้ทำพลาดลงไป เข้าใจว่า ณ ช่วงเวลานั้นเราจัดลำดับความต้องการนั้นไว้สูงสุด ทำให้เราตัดสินใจแบบนั้นไป
  5. ตระหนักว่าความคาดหวังที่เรามีแต่ตัวเองบางอย่างก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเป็นจริง หลาย ๆ ครั้งเราย้อนกลับไปคิดว่าในอดีตเราไม่ควรกระทำแบบนั้น ในอดีตเราไม่ควรนอกใจแฟน เราไม่ควรติดเหล้าจนลืมทำงานทำการ เราไม่ควรเปิดเตาแก็สทิ้งไว้ก่อนออกจากบ้าน ซึ่งความคาดหวังเหล่านี้คือความคาดหวังว่าเราจะสามารถย้อนอดีตกลับไปแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งความคาดหวังนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพียงแต่จะทำให้เราจมติดอยู่กับความเศร้าและอดีตที่แก้ไขไม่ได้เท่านั้น
  6. ตระหนักว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเราอย่างไร เมื่อเรานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เรามีความรู้สึกเศร้า ละอายใจ ทุกข์ใจ รู้สึกผิด ความรู้สึกเหล่านั้นควบคุมพฤติกรรมที่เราแสดงออกแบบที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวหรือไม่ เช่น บางคนนอนไม่หลับ บางคนพยายามลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นด้วยการโหมงานหนัก หรือกินเหล้า ผลกระทบที่ตามมาเหล่านี้ทำให้เราลืมความเจ็บปวดได้ชั่วขณะ แต่ในระยะยาวเราจะได้รับผลกระทบด้านสุขภาพตามมา
  7. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ในหลาย ๆ ครั้งเรื่องที่เรารู้สึกผิดก็มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเรา คือ เราไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เช่น ไม่สามารถนอนหลับได้ด้วยตัวเอง คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น การขอความช่วยเหลือจะทำให้เราได้รับการสนับสนุนทางจิตใจเพื่อให้สามารถผ่านเหตุกาณ์นั้นไปได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำร้ายตัวเองซ้ำ

การให้อภัยตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญและควรค่าแก่การเรียนรู้ เนื่องจากเราสามารถทำผิดพลาดได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะระวังมากแค่ไหน หากเราไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ เรื่องราวที่เราทำพลาดไปจะหลอกหลอนเราจนไม่สามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างอิสระ หากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถหาทางออกได้ด้วยตัวเอง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญถือเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัย

6 สิ่งน่าลงทุน ที่ได้รับความนิยมและมีความมั่นคงสูง

ลงทุนอะไรดีให้รวยเร็วและยั่งยืน เรามี 6 สิ่งน่าลงทุนที่กำลังมาแรงมาแนะนำกัน ซึ่งจะลงทุนกับอะไรดีและมีความน่าสนใจมากแค่ไหนก็ต้องไปดูกันเลย รับรองว่าจะต้องโดนใจคุณ

1.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ต้องบอกเลยว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและมาแรงอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการบ้านและคอนโดในย่านรถไฟฟ้า ซึ่งพบว่าอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณนี้มีราคาพุ่งสูงมาก และมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นจึงเหมาะที่จะลงทุนมากที่สุด โดยหากใครที่ชื่นชอบการลงทุนในอสังหาฯก็จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

2.อาหารเพื่อสุขภาพ

เนื่องด้วยเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง อาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าลงทุนเป็นอย่างมาก โดยหากมีบริการเดลิเวอรี่จัดส่งถึงที่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ได้ดีที่สุด ซึ่งอาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยมได้แก่ อาหารคลีน ธัญพืชอบแห้ง และขนมเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

3.หุ้นและการเสี่ยงโชค

หุ้นและการเสี่ยงโชค ก็จัดเป็นวิธีการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน โดยเฉพาะการเสี่ยงโชคกับ VWIN ซึ่งจะทำให้คุณรวยทางลัดได้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่การจะลงทุนด้วยวิธีนี้ก็มีความเสี่ยงพอสมควร จึงควรศึกษาทำความเข้าใจให้ดีก่อนเข้ามาลงทุน เพื่อจะได้ไม่ขาดทุน

4.ขายสินค้าออนไลน์

การขายสินค้าออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้คนให้ความสนใจกับการซื้อขายสินค้าผ่านเว็บไซต์และสื่อโซเชียลกันมากขึ้น จึงเป็นช่องทางการลงทุนที่จะทำให้รวยได้ไม่ยาก แต่จะต้องเจาะกลุ่มการตลาดให้ดี โดยวิเคราะห์ว่าควรจะขายอะไร ขายอย่างไร และต้องศึกษากลยุทธ์ในการขายให้ดีด้วยเพื่อจะได้ไม่ลงทุนสูญเปล่านั่นเอง

5.การลงทุนกับทัวร์นำเที่ยว

ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยมาแรงขึ้นทุกปี ดังนั้นการลงทุนกับธุรกิจทัวร์นำเที่ยวจึงได้รับการตอบรับที่ดีมาก และมีความมั่นคงสูง ซึ่งใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวอยู่แล้วและมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมถึงหากสามารถพูดได้หลายภาษาด้วย คุณก็จะมีโอกาสรวยจากการทำธุรกิจนี้ได้ไม่ยากอย่างแน่นอน

6.บริการรับทำเว็บไซต์

สำหรับใครที่มีความสามารถในการทำเว็บไซต์ ก็จะพลาดไม่ได้เลยกับการลงทุนเปิดบริการรับทำเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้คุณมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว นอกจากนี้หากทำ SEO ได้ด้วยก็จะดีมาก ดังนั้นอย่าเก็บความสามารถของคุณเอาไว้อย่างเปล่าประโยชน์ ควรนำมาใช้สร้างรายได้ให้กับตัวเองกันดีกว่า

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ 6 สิ่งที่น่าลงทุน เพราะสร้างกำไรได้ดีและมีความมั่นคงสูง ซึ่งใครที่กำลังมองหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง ก็ลองพิจารณาจาก 6 ข้อนี้กันดู แล้วจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน แถมยังเป็นการลงทุนที่ทำได้ไม่ยากอีกด้วยเพราะฉะนั้นห้ามพลาด