เมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดสื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ชนิดหนึ่งบนโลกออนไลน์ ที่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการดำเนินธุรกิจในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีผลประกอบการที่ตกต่ำลง แต่ธุรกิจกลับยังคงได้กำไรอย่างต่อเนื่อง หลายคนคงจะไม่เข้าใจว่าในเมื่อผลประกอบการตกลงแล้วจะเอากำไรมาจากที่ไหน คำตอบที่ได้คือ กำไร ที่ไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงินได้แต่วัดได้จากคุณค่าทางจิตใจ
ธุรกิจดังกล่าว เป็นธุรกิจน้ำผลไม้ที่รับซื้อวัตถุดิบโดยตรงจากเกษตรกร ทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาและ ส่งเสริมการปลูกผลไม้ เพื่อให้เกษตรกรได้มีรายได้สามารถหาเลี้ยงตัวเองและคนในครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สื่อโฆษณานี้ทำให้ได้ย้อนนึกถึงพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ท่านทรงเคยตรัสไว้ว่า “ขาดทุนคือกำไร” กำไรของพระองค์คือ การให้ ให้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอยู่มีกิน มีหนทางในการสร้างรายได้ หากทุกคนได้กินอิ่ม นอนหลับ มีเงินใช้จ่ายที่เพียงพอ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันก็จะลดน้อยลง หรืออาจจะหมดไปในที่สุด
การให้ ถือเป็นแค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ที่พระองค์คอยตรัสสอนพสกนิกรทุกคนอยู่สม่ำเสมอ ยังคงมีหลักการดำเนินชีวิต และคุณธรรมอีกมากมายที่ท่านทรงทิ้งไว้ ซึ่งเชื่อได้ว่าไม่มีชาวไทยคนใดที่ไม่คิดถึงพระองค์ท่าน ถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องบอกว่า ไม่มีชาวไทยคนใดที่จะสามารถลืมเลือนพระองค์ท่านออกไปจากหัวใจได้เลยต่างหาก
ทำอย่างไรเมื่อนึกถึงพระองค์ท่าน
คำถามนี้สามารถหาคำตอบได้โดยไม่มีข้อจำกัด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านคอยตรัส คอยสอน หรือแม้กระทั่งลงมือทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ท่านต้องการให้ลูก ๆ ของท่านทุกคนได้ปฏิบัติตาม ขอแค่เพียงได้ทำตามสิ่งที่ท่านสอน แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการระลึกถึงท่านได้แล้ว
เราสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ การเป็นคนดี ท่านคงไม่ได้หวังให้ทุกคนเป็นคนดีเฉพาะเวลาที่นึกถึงท่าน แต่ท่านคงหวังให้ทุกคนประพฤติ ปฏิบัติตัวเป็นคนดีอยู่ตลอดเวลาที่ยังคงมีลมหายใจ เพราะการเป็นคนดี จะสามารถทำให้ชีวิตได้พบเจอกับคำว่าความสุขได้ในทุกรูปแบบ ไม่ต้องรวย ไม่ต้องจน ไม่ต้องมียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ต้องเก่งเหมือนใคร ๆ ก็สามารถเป็นคนดีได้ ทุกคนเกิดมาก็มาแต่ตัววันหนึ่งที่ต้องตายก็เอาไปได้แค่ตัว แต่ความดีที่สั่งสมมา จะยังคงถูกจารึกและจดจำให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้รำลึกถึงตลอดไป
ถ้าหากมีใครมาถามว่าภูมิใจไหมที่เกิดมาเป็นคนไทย อยู่บนพื้นแผ่นดินไทย เชื่อได้ว่าคนไทยทั้งประเทศจะต้องยิ้มและตอบด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด อย่างน้อยในชีวิตหนึ่งได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน ได้เรียนรู้คำสั่งสอนและนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้ก็มีค่ามากกว่าจะเอาเงินทองมาเปรียบได้ และถ้าหากวันนี้คุณยังรักพื้นแผ่นดินไทยนี้ไม่มากพอ ขอให้คุณกลับไปศึกษาพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านทรงทำแล้วคุณจะได้รู้ว่าการรักพื้นแผ่นดินไทยแห่งนี้มีคุณค่ามากแค่ไหน