ดาวรุ่งแห่งวงการฟุตบอลที่น่าจับตามองมากที่สุด ในปี 2020

ในแต่ละฤดูกาลจะมีดาวรุ่งหลายคนได้แจ้งเกิดอย่างมากมาย เช่นในฤดูกาลก่อน คู่หูของทีมอาแจ็ก อามเตอร์ดัมอย่าง มัตไตจ์ส เดอ ลิกท์ และแฟร้งกี้ เดอ ยอง ก็เป็นสองตัวอย่างดาวรุ่ง ที่ทำผลงานได้โดดเด่น และที่จับตามองอย่างมากของวงการฟุตบอล เรามาดูกันว่าฤดูกาล 2019-2020 ที่จะถึงนี้ จะมีนักเตะดาวรุ่งคนไหนที่น่าจับตามองกันอีกบ้าง

มัตเตโอ เกนดูซี่

จากอดีตลูกรักของโค้ชอย่างอูไน เอเมรี่ ปัจจุบันได้สถาปนาตัวเองเป็น 1 ในดาวรุ่งที่แฟนอาร์เซนอลต่างให้การยอมรับด้วยผลงานในสนามที่เจ้าตัวเป็นคนสู้ไม่ถอย และพยายามสร้างผลงานให้กับทีมมากกว่าที่จะสร้างผลงานให้ตัวเอง ด้วยสไตล์การเล่นแบบลุยแหลก ไม่ยอมแพ้คู่ต่อสู้คนไหนเลย ทำให้ได้ใจแฟนอาร์เซนอลเป็นอย่างมาก สถิติส่วนตัวบางอย่างก็ทำได้ดีกว่ารุ่นพี่กัปตันทีมอย่างกรานิส ชาก้าด้วยซ้ำ และนี่เป็นเหตุผลที่ทำไมนักเตะคนนี้ ถึงน่าจับตามองในฤดูกาล 2019-2020

ไค ฮาแวร์ทซ์

จอมทัพของทีมนายห้างขายยาไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ฉายแววขึ้นมาเมื่อในฤดูกาลก่อน และด้วยผลงานที่เรียกได้ว่า แทบจะแบกทีมเอาไว้ทั้งทีมเลยก็ว่าได้ ดาวรุ่งวัย 20 ปี คนนี้ ถูกจับตามองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป และเจ้าพ่อแห่งเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิค ก็เป็น 1 ในทีมเหล่านั้น ที่ให้ความสนใจเขาอย่างมาก แต่ถึงยังไงก็ต้องมารอดูกันว่า ในฤดูกาลนี้เขาจะสามารถทำผลงาน ระดับสุดยอดได้อีกครั้งหรือไม่ แต่อีกไม่ช้านักเตะอย่าง ไค ฮาแวร์ทซ์ คงต้องย้ายไปอยู่ระดับที่สูงกว่าอย่างแน่นอน

จอร์แดน ซานโช่

ไม่มีข้อครหากับผลงานของปีกดาวรุ่งของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อดีตเด็กปั้นแมนซิคนนี้ ย้ายเข้ามา ดอร์ทมุนด์ ปีแรก ก็สามารถสร้างผลงานให้ระดับสุดยอด เลยก็ว่าได้ ทดแทนการขาดหายไปของ เด็มเบเล่ ได้อย่างที่แฟนบอล ดอร์ทมุนด์ ยิ้มเลยทีเดียว เพราะเขาเล่นได้เข้าขากับเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยสถิติการยิงประตู หรือจ่ายบอลให้เพื่อนเพื่อทำประตู ทุกอย่างฟ้องอยู่แล้วว่าเขาสุดยอดแค่ไหน แต่ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าเจ้าตัวเริ่มมีปัญหาเรื่องวินัยนอกสนาม จากข่าวล่าสุดที่มาซ้อมสายจนโค้ชต้องดรอปเขาไปในเกมล่าสุด นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่เราต้องจับตามอง ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลโกเด้น บอย ว่าจะรักษาฟอร์มการเล่นระดับสุดยอดของเขาต่อไปได้หรือไม่

แดเนียล เจมส์

ปีกดาวรุ่งทีมชาติเวลส์ ที่ทัพปีศาจแดงพึ่งคว้าตัวมาล่าสุด ในตอนแรกทุกคนคิดว่าคงมาแค่สอดแทรกกับรุ่นพี่อย่างมาซิอาล แต่ปรากฏว่าปีกรุ่นพี่ทีมชาติฝรั่งเศสได้รับบาดเจ็บพักไปหลายเดือน ตอนนี้ดาวรุ่งทีมชาติเวลส์ เลยต้องรับหน้าที่ในการยืนปีกซ้ายเป็นตัวหลัก ให้กับทีมของปีศาจแดง แต่ก็ไม่ได้ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เพราะด้วยความเร็วที่หาตัวจับได้ยากของเขานั้น ช่วยให้แนวรุกของปีศาจแดง ดูมีสีสันขึ้นมากในฤดูกาลนี้ ถึงแม้ผลงานของทีมโดยรวมจะยังดูแย่ แต่ผลงานส่วนตัวของเขานั้นไม่ได้แย่ แต่กลับทำได้ดีเลยทีเดียว หากด้วยพรีเมียร์ลีค เป็นลีคที่มีการปะทะอย่างหนักบางครั้ง เราจะเห็นว่าเจ้าตัวลงไปนอนกับพื้นสนามอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้เจ้าตัวจะเคยเล่นในระดับแชมป์เบี้ยนซิพมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็อดลุ้นไม่ได้ว่าปีกหนุ่มทีมชาติเวลส์จะทนการเล่นในระดับสูงได้หรือไม่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป

ดาวรุ่งที่หยิบยกขึ้นมานั้น ส่วนมากเป็นหนึ่งในอีกหลาย ๆ คน ที่เราควรจับตามอง และพวกเขามีประเด็นบางอย่างที่น่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็อย่างลืมว่าในวงการมีดาวรุ่งที่มากพรสวรรค์อีกหลายคน ที่พร้อมจะแจ้งเกิดในปีนี้ สำหรับที่ยกตัวอย่างมานั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เรามาลุ้นกันว่าในปีนี้จะมีนักเตะดาวรุ่งคนไหนแจ้งเกิดที่พร้อมจะมาเทียบรัศมีของโคตรดาวรุ่งอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ ได้หรือไม่

เมสซี่ หนึ่งในสุดยอดนักเตะที่โลกเคยมีมา

ถ้าจะให้กล่าวมีใครบ้างที่ไม่รู้จัก “เมสซี่” ก็คงไม่มี เพราะเมสซี่เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของเขา แต่ก็มีหลายคนตั้งคำถามว่าระหว่าง “เมสซี่” กับ “โรนัลโด้” ใครคือเบอร์หนึ่งในวงการฟุตบอลกันแน่ ซึ่งในวันนี้จะพาคุณมารู้จักกับเมสซี่กันก่อนดีกว่าก่อนจะตั้งคำถามว่าใครคือเบอร์หนึ่ง

เมสซี่เป็นนักฟุตบอลที่ถนัดเท้าซ้าย เกิดที่อาร์เจนติน่า ปัจจุบันเป็นนักเตะในสังกัดบาร์เซโลน่า สวมเสื้อเบอร์ 10 อยู่ในตำแหน่งกองหน้า ซึ่งในการลงเล่นให้กับบาร์เซโลน่าเมสซี่ก็มีส่วนร่วมที่ทำให้ทีมบาร์ซ่าได้แชมป์รายการต่าง ๆ มากมาย เมสซี่เริ่มเล่นบอลให้กับบาร์ซ่าซึ่งเป็นทีมแรกที่เมสซี่ร่วมทีม จนปัจจุบันเมสซี่ก็ยังไม่ได้ย้ายเป็นเล่นให้กับทีมอื่นซึ่งเขาก็คงมีเหตุผลส่วนตัวของเขาที่ไม่ย้าย อาจเป็นเพราะตอบแทนพระคุณที่บาร์ซ่าช่วยรักษาเขามาในตอนเด็ก เพราะถ้าตอนนั้นบาร์ซ่าไม่มารักษา พวกเราก็อาจไม่รู้จักเมสซี่ก็ได้

เมสซี่เป็นนักฟุตบอลตัวเล็กแต่วิ่งไว เวลาเลี้ยงบอลก็เลี้ยงได้ดี ควบคุมบอลดียิงได้ทุกรูปแบบ ถ้าเจอกันตัวต่อตัวคงเอาไม่อยู่นอกจากเตะให้เมสซี่ล้มซ่ะจะได้ไปต่อไม่ได้ ถึงจะเอาอยู่แต่ก็เสี่ยงที่จะโดนใบเหลืองหรือแดง เมสซี่มีแนวทางการเล่นบอลที่ต่างจากนักเตะอื่น ก็คือไม่จำเป็นต้องยิงเอง ให้คนที่มีโอกาสที่จะทำประตูได้มากกว่ายิงดีกว่า เพราะการที่ทำให้ทีมได้ประตูมันคือเป้าหมายของเขา ยกตัวอย่างเช่น มีอยู่นัดหนึ่งที่ทีมบาร์ซ่าได้จุดโทษและเมสซี่เป็นผู้ได้รับบทให้ยิงจุดโทษ ซึ่งการยิงจุดโทษมีเปอร์เซ็นต์เข้าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แต่เมสซี่ทำการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ที่จะเข้าให้เป็นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ โดยการนัดกับเพื่อนว่าจะเตะให้และนายต้องวิ่งเข้ามายิง ซึ่งถ้าทำอย่างนี้คนที่จะวิ่งเข้ามายิงจะเห็นแล้วว่าประตูมันพุ่งไปทางไหนเราก็แค่วิ่งมายิงให้มันตรงข้ามกับมุมที่ประตูมันพุ่งไปก็จบ

และอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์คือคนที่วิ่งมายิง ยิงออกนอกกรอบซึ่งมันก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งการยิงจุดโทษจะมีนักบอลสักกี่คนที่ทำอย่างนี้เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะเป็นผู้ทำประตูกันซะมากกว่า ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้รู้เลยว่าเมสซี่ไม่ได้เล่นเพื่อตัวเองแต่เมสซี่เล่นเพื่อทีมบาร์ซ่าและเขาก็มองถึงส่วนร่วมมากกว่าตัวเองเพราะในแต่ละนัดถ้าเมสซี่ทำประตูได้ก็จะมีเงินโบนัสในการทำประตูให้อีกแต่เมสซี่ไม่เลือกเงินแต่เขาเลือกผลประโยชน์ของทีมมากกว่า

หลายคนคงตั้งคำถามว่าเมสซี่เก่งขนาดนี้ทำไมไม่เคยพาทีมชาติได้แชมป์สักรายการหนึ่งเลย ซึ่งคำตอบนี้มันก็คือในโลกของฟุตบอลคนคนหนึ่งไม่สามารถแบกทีมไว้ได้หรอก มันต้องพึ่งเพื่อนร่วมทีมและโค้ชที่ดีมันถึงจะพาทีมชนะไปได้ ถ้าจะให้พูดและถามว่าใครเป็นนักบอลในฝันของคุณคำตอบสั้น ๆ เลยคือ “เมสซี่”

ความฝันของเด็กไทย เกี่ยวกับฟุตบอลทีมชาติ

เด็กคือความหวังในอนาคตของชาติ เพราะเมื่อเราแก่ก็จะมีเด็กนี่แหล่ะที่จะมาแทนเราในอนาคต เพราะฉะนั้นการให้ความสำคัญกับเด็กคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มีอะไรที่ดีเราก็ควรจะปลูกฝังไว้แต่เด็ก เพราะตอนเป็นเด็กเป็นช่วงเวลาที่สอนง่ายที่สุด ถ้าสอนดีเด็กก็จะดีไปเลยแต่ถ้าสอนไม่ดีเด็กก็จะไม่ดีเหมือนกัน เพราะอนาคตของเด็กก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่แล้วว่าจะสอนไปทางไหน

เด็กกับวงการฟุตบอล

กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่จำกัดอายุและเพศ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไร เราก็สามารถเล่นฟุตบอลได้เหมือนกัน ซึ่งการที่เราจะสร้างทีมฟุตบอลที่ดีในอนาคตนั้นเราก็ควรจะฝึกนักฟุตบอลตั้งแต่เด็ก เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่เหมาะสมแก่การฝึกมากที่สุด ในวัยเด็กยังไม่มีภาระอะไรมากมาย มีแค่เรียนและเล่น จึงเหมาะแก่การฝึกสอนมากเพราะถ้าเล่นฟุตบอลเป็นแต่เด็กมันก็จะได้เปรียบคนที่มาเล่นบอลตอนโต เพราะทักษะเรามีมาตั้งแต่เด็กก็เหลือแต่ประสบการณ์ที่เด็กจะต้องมาหาเอาเอง

ซึ่งสิ่งที่ทำให้เด็กทุกคนที่เล่นบอลมาด้วยกันแต่มีความแตกต่างกัน นั้นก็คือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของเด็กยกตัวอย่างเช่นชับปุยส์กับเนมาร์ตอนเด็กเคยเล่นฟุตบอลทีมเดียวกัน แต่ทำไมเนมาร์ถึงไปไกลกว่าชับปุยส์ ก็เป็นเพราะโอกาสและประสบการณ์ของเนมาร์มีมากกว่าชับปุยส์

และสิ่งที่ไม่ควรปลูกฟังให้เด็กในการเล่นฟุตบอลก็คือการที่บอกกับเด็กว่าเก่งแล้วเก่งกว่าคนนั้นอีกเก่งกว่าคนโน้นอีก ซึ่งถ้าเด็กได้รับการปลูกฝังอย่างนี้จะทำให้เด็กหลงตัวเองและเมื่อเด็กหลงตัวเองก็จะทำให้เด็กลืมมองตัวเองคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดการไม่ตั้งใจซ้อมไม่อยากจะวิ่งอยากจะเล่นแค่ฟุตบอล เพราะคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว

ดูอย่าง โรนัลโด้ โดนดูถูกสารพัดจากครอบครัวและคนอื่นว่าไม่สามารถเป็นนักบอลได้หรอก แต่โรนัลโด้ก็เอาคำดูถูกมาเป็นพลัง ยิ่งมีคนดูถูกก็ยิ่งซ้อมมากกว่าคนอื่น จนตอนนี้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุด นี่แหล่ะเด็กกับวงการฟุตบอล ยิ่งปลูกฝังดีเด็กมันก็จะดีไปด้วย และสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือ การบังคับเด็กให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เพราะถ้าเขาไม่ชอบซ้อมให้ตายก็ไม่เก่ง

ความฝันของเด็กไทยที่มีต่อฟุตบอล

มีเด็กน้อยในหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากในเมืองแต่ชอบเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ พอได้ถามเขาว่าน้องเล่นฟุตบอลทำไม น้องก็ตอบว่าก็มันสนุกอ่ะ เมื่อถามต่อว่าและมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักบอลนักบอลทีมชาติไหม เด็กก็ตอบมาทันทีว่าอยากสิ แต่มันคงยากเพราะใครจะมาสนใจเด็กบ้านนอกอย่างหนู พ่อแม่หนูก็ไม่ค่อยสนใจ แค่หนูได้เล่นไปวันวันอย่างนี้ดีแล้ว พอได้ฟัก็คิดเลยว่าถึงน้องจะมีพรสวรรค์ก็ตาม แต่ขาดโอกาสที่จะสนับสนุนจากผู้ใหญ่ความฝันของเด็กก็จะเป็นได้แค่ความฝันเหมือนที่เราได้กล่าวมา

สิ่งสุดท้ายและความใฝ่ฝันของนักฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีข้อบังคับให้ใช้ผู้เล่นข้างละ 11 คน มีเวลาในการแข่งขัน 90 นาที ไม่รวมช่วงทดเวลาและในช่วงที่แข่งกันอยู่นั่นทีมไหนทำประตูได้มากกว่าก็ชนะไปในบางการแข่งขันเมื่อทำประตูได้เท่ากันก็เสมอกันไปบางรายการก็ต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งละ 15 นาที ถ้ายังหาผู้ชนะไม่ได้ก็ยิงจุดโทษหาผู้ชนะให้ได้ นี่แหล่ะที่เรียกว่ากีฬา “ฟุตบอล”

สิ่งสำคัญของฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันเป็นอย่างมากไม่มีหรอกที่จะเล่นคนเดียวแล้วทำให้ทีมชนะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม อย่างเช่น เมสซี่ ทำไมเวลาอยู่กับสโมสรถึงประสบความสำเร็จได้อย่างมากมายแต่ทำไมมาเล่นให้ทีมชาติถึงไม่ประสบความสำเร็จเลยนั่นแหล่ะคือคำตอบฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีมไม่ใช่แค่คนเล่น 11 คนเท่านั้นแต่มันรวมถึงโค้ชด้วยที่มีผลทำให้ทีมชนะและผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่สำคัญก็คือ “กองเชียร์”

ฟุตบอลนั้นกว่าจะมาตั้งเป็นทีมสักทีมหนึ่งได้นั้นมันยากมาก ไหนจะต้องหาโค้ชมาพอหาโค้ชได้แล้วก็ไปหานักเตะต่อพอไปหานักเตะก็ต้องมาซ้อมลงทีมก่อนว่ามีใครเล่นดีบ้างจากนั้นก็คัดมาเป็นตัวจริง 11 คน และต้องมาเลือกว่าใครควรเป็นตัวสำรองไหนก่อนจะลงแข่งจริง ๆ ก็ต้องรอดูอีกว่านักฟุตบอลตัวจริงนั้นมีคนไหนมั่งที่ร่างกายไม่พร้อมเล่นถ้าไม่พร้อมก็ต้องหาตัวมาแทนที่แต่พอถึงวันจริงแล้วสิ่งที่เตรียมมาเป็นเดือนจะมาตัดสินกันภายใน 90 นาที ซึ่งในเวลาช่วงนี้แหล่ะเป็นช่วงที่ทดสอบนักฟุตบอลของจริงซึ่งที่ซ้อมมาหลายเดือนอาจไม่มีค่าถ้าในวันจริงเราไม่ตั้งใจเล่นนี่แหล่ะคือชีวิต “นักฟุตบอล”

ความต้องการของนักฟุตบอล

เชื่อว่านักฟุตบอลก็ต้องมีความต้องการที่จะเป็นที่หนึ่งในวงการให้ได้แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังตัดสินไม่ได้ว่า “เมสซี่” กับ “โรนัลโด้” ใครคือที่หนึ่งกว่าจะตัดสินกันได้ก็จะมีเด็กยุคใหม่ขึ้นมาแทนและคนเก่าก็จะเป็นได้แค่ตำนานผลสุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าใครคือที่หนึ่งซึ่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่นักฟุตบอลต้องการจริง ๆ ก็คือเงินและชื่อเสียงตอนเริ่มเตะใหม่ ๆ ก็ต้องการชื่อเสียงพออยู่ไปนาน ๆ ก็ต้องการเงินและพอเริ่มถึงบั่นปลายแล้วบางคนก็จะผันตัวมาเป็นโค้ชบางคนก็มาทำงานที่เกี่ยวกับฟุตบอลอย่างเช่น เทรนเนอร์ หรือ เปิดอะคาเดมี่เป็นของตัวเอง เป็นต้น เพื่อที่จะได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักไปให้นานที่สุดแม้ตัวจะไม่ได้เล่นแต่ขอให้ได้อยู่เคียงข้างไปกับมันก็พอใจแล้วนี่แหล่ะคือคนที่รักมันจริง ๆ ถึงจะไม่ได้เป็นผู้เล่นแต่ขอให้ได้อยู่กับมันจนวินาทีสุดท้ายก็พอใจแล้ว