ในการชกมวยนั้นส่วนมากคนที่ดูก็จะดูแต่นักมวย พอนักมวยชนะจนดังและมีชื่อเสียงคนก็จะจำแต่ชื่อนักมวยที่ตนเองชอบเท่านั้น แต่ในความสำเร็จของนักมวยนั้นยังมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระ ก็คือพี่เลี้ยงนักมวยซึ่งเป็นผู้ที่สำคัญสำหรับนักมวยมาก เพราะเป็นผู้ที่คอยดูแลนักมวยตั้งแต่ตอนซ้อมจนถึงตอนขึ้นชก แม้กระทั่งตอนชกพี่เลี้ยงก็ยังมีส่วนช่วยให้นักมวยชนะได้ เพราะระหว่างช่วงที่พักยกนั้นพี่เลี้ยงจะคอยบอกว่าเราควรจะทำอย่างไรให้ชนะ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักมวยก็คือ “พี่เลี้ยง”
พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่เลี้ยงกับนักมวยแล้วนับว่าเป็นอะไรที่มันลึกซึ้งมาก เพราะตลอดเวลาก่อนจะขึ้นชกนั้นนักมวยจะต้องฝึกซ้อมกับพี่เลี้ยงตลอด ซึ่งคนที่จะเห็นจุดอ่อนของนักมวยได้ดีที่สุดก็คือพี่เลี้ยง เมื่อเห็นจุดอ่อนของนักมวยแล้วพี่เลี้ยงก็จะพยายามหาวิธีแก้จุดอ่อนนั้น และหาทุกวิถีทางที่จะทำให้นักมวยของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น พูดง่าย ๆ พี่เลี้ยงก็เหมือนพ่อนักมวยอีกคนก็เป็นไปได้ เพราะทั้งพี่เลี้ยงและนักมวยมีความเกี่ยวพันธ์ค่อนข้างสูง ถ้านักมวยได้ดีตัวพี่เลี้ยงก็จะได้ดีไปด้วย ซึ่งเหตุนี้เชื่อได้เลยว่าพี่เลี้ยงไม่น่าจะคิดไม่ดีกับนักมวย และนอกจากพี่เลี้ยงจะศึกษาความสามารถของนักมวยแล้วพี่เลี้ยงยังต้องศึกษานักมวยที่จะขึ้นชกกับนักมวยตัวเองว่าอีกฝั่งชกอย่างไรและควรให้นักมวยของเรารับมืออย่างไร
ซึ่งการเป็นพี่เลี้ยงมันยากกว่าเป็นนักมวยอีก เพราะในบางครั้งก็จะมีนักมวยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยมาขึ้นชกกับนักมวยของตัวเอง ซึ่งทำให้พี่เลี้ยงไม่สามารถบอกได้ว่าควรจะชกอย่างไร ได้แค่บอกนักมวยของตัวเองอย่างเดียวก็คือชกอย่างที่เคยชกก็พอ ซึ่งในวันที่ชกจริงแล้วบางอย่างอาจไม่ได้เป็นอย่างที่พี่เลี้ยงสอน อย่างเช่นนักมวยที่เจอเป็นนักมวยถนัดขวา แต่วันจริงนักมวยคนนั้นเป็นนักมวยถนัดซ้าย ซึ่งถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้พี่เลี้ยงก็ตั้งหน้าตั้งตาดูและเฝ้ามองนักมวยของตัวเองชก และคอยบอกข้างสนามว่าอย่าประมาทและต้องรอดกลับมาฟังแผนของพี่เลี้ยงในช่วงพักยกให้ได้นะ พอนักมวยได้ยินก็จะทำตามเพราะคิดว่าพี่เลี้ยงต้องมีแผนดี ๆ แน่นอนนี่แหล่ะคือความผูกพันธ์สำหรับพี่เลี้ยงกับนักมวย
ในมุมของพี่เลี้ยงแล้วเมื่อนักมวยของตนเองได้ขึ้นชกไม่ว่าผลของมันจะออกมาแพ้หรือชนะนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่พี่เลี้ยงคิดและต้องทำให้ได้ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้นักมวยของตนเองกลับบ้านโดยปลอดภัย นี่แหล่ะที่เขาเรียกว่าหน้าที่ของ “พี่เลี้ยง”