จะเป็นอย่างไร ถ้าแกเร็ธ เบลกลับเกาะอังกฤษอีกครั้ง ในรังสาลิกา

เป็นข่าวที่มีแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษจับตาดูกันอย่างมาก สำหรับข่าวการเทคโอเวอร์ สโมสรสาลิกาดง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จากกลุ่มทุนเงินหนา จากตะวันออกกลาง ที่นำโดยเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แงซาอุดิอาระเบีย เพราะหากการเจรจานี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว การเทคโอเวอร์ครั้งนี้ มันอาจจะสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมหาศาล ต่อวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเลยก็เป็นได้

ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ของกลุ่มทุนที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของใหม่ ของทัพสาลิกา ที่มีตัวเลขเงินทุนสูงกว่ากลุ่มทุนที่เข้ามาสร้างความยิ่งใหญ่ ให้กับทัพเรือใบสีฟ้าเสียอีก ดังนั้นจึงคาดกันว่า เม็ดเงินของพวกเขา จะเข้ามาสร้างความแตกต่างอย่างมาก ให้กับสาลิกาดง ที่เคยมีเจ้าของจอมงกอย่าง ไมค์ แอชลีย์ เพียงแค่เริ่มมีการเจรจากันเท่านั้น ชื่อของสุดยอดผู้เล่นค่าตัวแพงจากทั่วทั้งทวีป และทั่วโลก ต่างถูกโยงเข้ามาในลิสต์ของพวกเขา และที่ตกเป็นข่าวฮือฮาและน่าสนใจที่สุด ก็คือข่าวที่ว่า นักเตะเป้าหมายแรกของพวกเขานั่นก็คือ แกเร็ธ เบล แนวรุกตัวอันตรายของราชันชุดขาว เรอัล มาดริดนั่นเอง

แกเร็ธ เบล ซึ่งตอนนี้กำลังมีปัญหา ระหองระแหงกับทางต้นสังกัดอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันทำให้เขามีแนวโน้มว่าจะถูกทางราชันขายทิ้งค่อนข้างแน่นอน เพราะเจ้าตัวเล่นมีปัญหาทั่วไปหมด ทั้งกับผู้จัดการทีมอย่างซีเนดีน ซีดาน การเข้ากับเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ และแฟนบอลก็ต่อต้านเขาอย่างมาก ถึงแม้จะทำผลงานได้โอเค ในเวลาที่ได้โอกาสลงสนาม แต่เมื่อดูจากปัญหาแล้ว เชื่อว่าการขายเขาออกจากทีม น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทีม

ทางเรอัล มาดริดตั้งค่าหัวตัวรุกวัย 30 ปี ไว้ที่ ราว 55 ล้านปอนด์ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่มากนัก สำหรับกลุ่มทุนเงินหนา รวมไปถึงค่าเหนื่อยที่เขารับอยู่ที่ปีละ 15 ล้านยูโร ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเช่นกัน ดังนั้นมันคงจะขึ้นอยู่กับว่า ข้อตกลงส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายแล้ว ส่วนเรื่องฝีเท้าและผลงานนั้น คงไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะเขาสร้างตัวและพัฒนาฝีเท้า มาจากเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษนี่แหละ โดยเขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง 146 นัด กับ 42 ประตูกับสเปอร์ โดยเฉพาะฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีม เมื่อถูกดันขึ้นมาเป็นผู้เล่นแนวรุกเต็มตัว เขากดไปถึง 21 ประตู จาก 33 นัดในลีก

เชื่อว่าหากนิวคาสเซิล ได้เบลมาเสริมทัพจริง เกมรุกของพวกเขาจะยกระดับขึ้นมาอย่างมากแน่ เพราะเบลถือว่าเป็นผู้เล่นที่ครบเครื่อง คนหนึ่งในโลกฟุตบอลเลยก็ว่าได้ ทั้งทักษะ ความเร็ว การไปกับบอล การจบสกอร์ ทั้งบนพื้นและกลางอากาศของเขาก็นับว่าเป็นเลิศ ทั้งยังพ่วงด้วยการเล่นลูกตั้งเตะอีกต่างหาก หากดึงเบลมาแล้วเสริมทัพด้วยผู้เล่นตัวสร้างสรรค์เกมดี ๆ อีกซักคนละก็ แนวรุกของสาลิกา จะโหดขึ้นอย่างผิดหูผิดตาเลยทีเดียว

เชื่อว่าดีลนี้มีโอกาสสูงมากเลยที่จะเกิดขึ้น เพราะทางทีมใหม่ก็เงินถึง ทางทีมเก่าก็อยากปล่อยออก และทางเจ้าตัวก็คงไม่อยากจะทนอยู่ ในที่ที่ตัวเองไม่มีความสุข ดังนั้นหากทางมหาเศรษฐี เจ้าของทีมใหม่ต้องการตัวเขาจริง เราคงจะได้เห็นแกเร็ธ เบล กลับมากระชากลากเลื้อย บนเกาะอังกฤษอีกครั้ง และบอกเลยว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาลหน้า จะต้องสนุกสุด ๆ อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เพียงแค่คิดก็ยังสนุกและตื่นเต้นขนาดนี้แล้ว แทบจะรอไม่ไหวกันเลยทีเดียว

เครดิตภาพ : https://www.standard.co.uk/sport/football/realmadrid/zinedine-zidane-asked-11-questions-about-gareth-bale-real-madrid-press-conference-a4273496.html

เมื่อไร้โควตายุโรป ก็อาจถึงเวลาที่เมมฟิส เดอปาย จะเซย์กู๊ดบายกับลียง

หลังจากที่ทางลีกฟุตบอลอาชีพ ฝรั่งเศสได้ทำการประกาศตัดจบการแข่งขัน ฤดูกาล 2019-2020 โดยการใช้ค่าเฉลี่ยคะแนนต่อนัด ซึ่งทำให้ปารีส แซงต์แชร์กแมง เป็นแชมป์ครั้งที่ 9 ของพวกเขาไปแล้ว แต่อีกมุมหนึ่งมันก็มีบางทีมเช่นกัน ที่ได้รับผลกระทบในด้านที่ไม่ดีนัก หนึ่งในนั้นก็คือสโมสรอันดับที่ 7 ของตารางอย่างโอลิมปิก ลียง ที่ทำให้พวกเขา ชวดการคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอล สโมสรยุโรปทั้งถ้วยเล็กและถ้วยใหญ่ เป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปีของพวกเขาเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากผลกระทบในด้านชื่อเสียง และรายได้มหาศาลแล้ว หนึ่งในผลกระทบที่ตามมาก็คือ พวกเขาอาจจะต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญ ออกไปจากทีมด้วยนั่นเอง

หลังจากโอลิมปิก ลียงได้รับข่าวร้ายในการที่จะไม่ได้สิทธิ์ไปเล่นสโมสรยุโรป พวกเขาก็ได้รับอีกข่าวหนึ่งตามมาในเวลาไม่นาน เมื่อผู้เล่นคนสำคัญในแนวรุกของพวกเขา ออกมาแสดงท่าทีว่าอยากจะย้ายออกจากทีม นั่นคือในรายของเมม ฟิส เดอปาย แนวรุกทีมชาติฮอลแลนด์นั่นเอง เมื่อทางฌอง-มิเชล โอลาส ประธานสโมสร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตัวนักเตะเองได้แจ้งความประสงค์ขอย้ายทีม หากทางสโมสรไม่สามารถคว้าสิทธิ์ ในการเล่นฟุตบอลยุโรปได้ในฤดูกาลนี้ ทำให้หลังประกาศ ตัดจบการแข่งขันของลีกเอิง ข่าวการย้ายตัวของเดอปาย จึงกลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างมาก

สำหรับฟอร์มของเดอปายกับทีมนั้น ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้เขาจะต้อง ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ จนสามารถลงสนามให้กับทีมได้เพียงแค่ 18 นัดเท่านั้นแต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็ร้อนแรง เข้าตาผู้ให้ราคาอย่าง Fun88 อย่างมาก เมื่อสามารถกดไปถึง 14 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์เลยทีเดียว ทำให้มีหลายทีมพร้อมที่จะ ดึงตัวเขาไปอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าทางหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่เคยมีข่าวกับเขาตอนต้นฤดูกาล จะถอยห่างออกไปแล้วก็ตาม

ตอนนี้ทีมที่มีข่าวว่า จับตาสถานการณ์ของเขากับทีมอยู่ นั่นก็คือ สามทีมใหญ่จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล และท็อทแน่ม ฮอต สเปอร์ของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่นั่นเอง และอาจจะมีทีมเก่าอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยังไม่ลงตัวในแนวรุก ลุ้นด้วยอยู่ห่าง ๆ ซึ่งจากบรรดาทีมที่สนใจเขาอยู่ในตอนนี้ หากจะให้ตอบโจทย์ การลงเล่นในถ้วยใหญ่อย่างยูซีแอลแล้วละก็ นับว่าทางเชลซีของแฟรงค์ แลมพาร์ดดูจะได้เปรียบคู่แข่งทีมอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย เมื่อตอนนี้พวกเขารั้งอันดับ 4 ของตาราง ส่วนทางปืนใหญ่และไก่เดือยทองนั้น อยู่อันดับ 8-9 ของตาราง

สัญญาของเดอปายกับลียง ยังมีอยู่ถึงแค่ปี 2021 บางทีอาจจะเสี่ยงเกินไปสำหรับลียง ที่จะปล่อยให้สัญญาของเขาใกล้หมดมากกว่านี้ ดังนั้นการย้ายทีมของเขา น่าจะเกิดขึ้นในซัมเมอร์นี้ค่อนข้างแน่ ตอนนี้ทางลีกเอิงนั้นตัดจบไปแล้ว คงมีเวลาให้เดอปายได้นั่งคิดทบทวน ปลายทางสถานีต่อไปของเขา ได้อย่างเต็มที่ เพื่อโอกาสประสบความสำเร็จ และโอกาสในการลงเล่นในถ้วยยุโรปที่เขาต้องการ คงต้องอดใจรอการตัดสินของประเทศปลายมทางอีกซักนิด แต่คงไม่นานเกินรออย่างแน่นอน

เครดิตภาพ : http://www.tellerreport.com/life/2020-04-18-memphis-depay-posts-video-with-liger–animal-organizations-share-call.BJZ1UsG_O8.html

วิคเตอร์ โอซิมเฮน กองหน้าที่เนื้อหอม และฟอร์มแรงที่สุดในลีกน้ำหอมชั่วโมงนี้

ถ้าเอ่ยชื่อของสโมสรลีลล์ อีกหนึ่งทีมดังจากลีกเอิง ฝรั่งเศสขึ้นมาแล้วละก็ เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้คนจะคิดถึงเกี่ยวกับพวกเขานั่นก็คือ ในฐานะทีมยอดนักปั้น เพราะพวกเขามักจะทำเงินได้อย่างมหาศาล จากการที่ใช้สายตาอันแหลมคม ไปกว้านหาผู้เล่นฝีเท้าดีราคาถูก เข้ามาปลุกปั้นจนโด่งดัง และสร้างมูลค่าได้มหาศาลเมื่อจำเป็นต้องขายออกไป ที่เห็นได้ชัดก็อย่างเช่น การขายเอเดน อาซาร์ด ให้กับเชลซีเมื่อครั้งอดีต หรือการขายนิโคลัส เปเป้ให้กับอาร์เซน่อลเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาก็ทำกำไรได้เกือบ 70 ล้านยูโร หลังดึงตัวมาจากอองเชร์ส ด้วยราคาเพียง 10 ล้านยูโรเท่านั้นเอง

และในอนาคตอันใกล้นี้ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะ ทำกำไรอย่างมหาศาลได้อีกครั้ง เมื่อกองหน้าที่พวกเขาพึ่งจะดึงตัวมาจาก ชาร์เลอรัว ทีมในลีกเบลเยี่ยม อย่างวิคเตอร์ โอซิมเฮน สามารถทำผลงานได้ดี จนเป็นที่หมายปองของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ ซึ่งค่าตัวที่พวกเขาจ่ายไป เพื่อแลกกับตัวโอซิมเฮนนั้น เพียงแค่ 12 ล้านยูโรเท่านั้นเอง แต่มีข่าวซุบซิบหลุดออกมา ว่ามีทีมนิรนามแอบย่องเงียบ ขอซื้อตัวเขาสูงถึง 75 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นการชิงตัดหน้าคู่แข่งรายอื่น ๆ แต่ยังไม่ปรากฎชัดว่าเป็นทีมใด

สำหรับวิคเตอร์ โอซิมเฮน เป็นผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุก สัญชาติไนจีเรีย ซึ่งปัจจุบันเขามีอายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้นเอง จุดเด่นของเขาอยู่ที่ความเร็ว และความเฉียบคมในการจบสกอร์ แถมมีความสูงถึง 186 เซนติเมตร ทำให้ไม่เสียเปรียบมากนักในการปะทะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นอะไร ในการเล่นลูกกลางอากาศ ดู ๆ ไปสไตล์การเล่นของเขา จะคล้ายคลึงกับ อดีตยอดกองหน้าชาวฝรั่งเศส อย่างเธียร์รี่ อองรี คือรวดเร็ว ไปกับบอลได้ดี และจบสกอร์ได้เฉียบคม ส่วนลูกโหม่งนั้น แทบจะไม่มีให้เห็นเหมือนกันอีกด้วย

ส่วนบรรดาทีมที่ตามจีบโอซิมเฮนนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาทีมใหญ่เงินหนากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์ มิลานจากอิตาลี และพวกขาใหญ่แห่งเกาะอังกฤษอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนยู, เชลซี, อาร์เซน่อล และท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ซึ่งทีมต้องสงสัยที่ว่าแอบย่องเงียบไปเสนอเงินก้อนโต ก่อนทีมอื่นก็คือสเปอร์นี่แหละ แต่ก็ยังไม่มีอะไรแน่ชัด ทำให้ทุกทีมที่มารุมจีบต่างก็ยังคง มีความหวังกันอย่างเต็มเปี่ยม เชื่อว่าอีกไม่นานนี้ เมื่อแต่ละลีกได้ข้อสรุปที่แน่ชัด และเห็นแนวทางในฤดูกาลหน้าที่ชัดเจนแล้ว การแย่งตัวของโอซิมเฮน จะดุเดือดขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นทีมไหนที่สามารถ คว้าตัวเขาไปร่วมทีมได้ อนาคตของเด็กคนนี้ ก็น่าจับตามองอย่างมาก และเขามีศักยภาพเพียงพอ ที่จะก้าวขึ้นไปเป็นกองหน้าระดับโลกในวันข้างหน้า อย่างที่โอเดียน อิกาโล กองหน้าตัวยืมของปีศาจแดง ที่เป็นรุ่นพี่ในทีมชาติของเขา ออกมาบอกว่าเขานี่แหละ คือความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลไนจีเรีย แต่ไม่ว่าอนาคตของเขาจะไปอยู่ที่ใด และไปได้ไกลแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ อนาคตอันใกล้นี้ บอร์ดบริหารสโมสรลีลล์ จะยิ้มกันแก้มปริ กับการได้กำไรมหาศาลจากดีลของเขา อย่างแน่นอน

เครดิตภาพ : https://www.vanguardngr.com/2020/03/lille-place-e100m-price-tag-on-victor-osimhen/

โอเดียน อิกาโล่ อาจจะต้องตื่นจากความฝัน ก่อนเวลาอันควร

แฟนฟุตบอลทุกคน คงจะจำกันได้อย่างดี ถึงวันที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตัดสินใจดึงตัว โอเดียน อิกาโล่ กองหน้าชาวไนจีเรีย เพื่อมาแก้ปัญหาความฝืดเคือง ในการยิงประตูของพวกเขา ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล และเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า การได้มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เปรียบเสมือนความฝันในวัยเยาว์ของเขา มันได้กลายเป็นจริงแล้ว เขาจะยอมแลกกับทุกสิ่งที่มี เพื่อให้ได้เล่นให้กับทีมในฝัน ที่เขารอมาตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนว่าความฝันครั้งนี้ของเขา อาจจะต้องถูกปลุกให้ตื่นก่อนเวลาอันควรเสียแล้ว

ในวันที่เขาย้ายมาที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ว่าทางสโมสรคงจะอับจนหนทางจนถึงที่สุดแล้ว ในการเซ็นสัญญาผู้เล่นกองหน้า เข้ามาแก้ปัญหาการยิงประตู หลังพลาดการดึงผู้เล่นชื่อดัง อย่างฮาแลนด์ หรือแม้แต่อดีตเด็กเก่าอย่าง โจชัว คิง ที่พอจะมีมาตรฐานจากการเล่นอยู่บนเวทีพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว จนต้องไปดึงตัวกองหน้าจากลีกจีน อย่างเขาเข้ามาแทน ถึงแม้ว่าจะเคยฝากผลงาน บนเกาะอังกฤษมาก่อนกับวัตฟอร์ด แต่ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จมากนัก จนต้องระเห็จไปโกยเงินหยวนที่แผ่นดินมังกร

ทันทีที่การเจรจาของทั้งสองทีมจบลง และเขาได้ย้ายมาเล่นกับแมนยูจริง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ เขาได้สร้างฐานแฟนบอลบางส่วน ด้วยบทสัมภาษณ์ ว่านี่คือทีมในฝันตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยเรื่องราวนี้ ทำให้เสียงแฟนบอลบางส่วนที่เคยวิจารณ์ กลับมาเป็นแรงสนับสนุน เอาใจช่วยให้เขาทำผลงานได้ดี กับความฝันครั้งนี้ และเมื่อเขาได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีม เขาก็ใช้ความสามารถในสนาม กลบเสียงวิจารณ์ส่วนที่เหลือทั้งหมด ให้เงียบกริบกันเลยทีเดียว ด้วยการทำ 4 ประตูกับ 1  แอสซิสต์ จากการลงสนาม 8 เกม และดูเหมือนว่าสไตล์การเล่นของเขา ช่วยเติมเต็มเกมรุกที่ขาดหายของปีศาจแดงได้อย่างดี ทำให้จากเสียงวิจารณ์ในวันแรก กลับกลายเป็นเสียงเชียร์ และสนับสนุนให้เขาอยู่กับทีมอย่างถาวร จนมีเสียงเรียกร้องให้ทางสโมสร จัดการซื้อขาดตัวเขาจากเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว หลังจากหมดสัญญายืมตัว

แต่ดูเหมือนว่ามันความฝันของเขา และแฟนบอลหลายคน คงจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว เมื่อทางปีศาจแดงเอง ต้องการขยายสัญญายืมตัวของเขา ออกไปอีกจนจบฤดูกาล หลังจากโดนพิษโควิด-19 เล่นงานจนโปรแกรมพรีมียร์ลีก มีอันต้องเลื่อนออกไป แต่ทางเจ้าของสัญญาอย่างเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัวเอง กลับไม่ต้องการขยายสัญญาออกไป และยื่นคำขาดว่า หากทางผีแดงต้องการเขาไว้ใช้งานต่อ จะต้องซื้อขาดเท่านั้น แถมตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 20 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเงินที่ทางผีแดงต้องคิดแล้วคิดอีกเลยทีเดียว กับการแลกกับผู้เล่นวัย 31 ปี แถมถ้าทางผีแดงไม่สนจะจ่าย พวกเขาก็ไม่เดือดร้อน และเตรียมประเคนค่าเหนื่อยมหาศาล ไว้ล่อใจ อิกาโล่ในการเล่นในลีกแดนมังกรอีกด้วย

จากที่การเล่นในโอลด์ แทร็ฟอร์ดเคยเป็นแค่ความฝัน วันนี้เขาสามารถทำให้ความฝันนั้น เป็นฝันที่สวยงามอีกด้วย แต่ด้วยการเจรจาที่ไม่ลงตัว ของทั้งสองสโมสร อาจทำให้เขาต้องกลับต้นสังกัด ก่อนที่จะได้เล่นจนจบฤดูกาล ถ้าจะเปรียบก็คงเหมือนความฝันอันสวยงาม ของโอเดียน อิกาโล่ ต้องถูกปลุกให้ตื่นกลางคัน โดยที่ยังไม่ถึงเวลาเช้านั่นเอง

ความฝันของเด็กไทย เกี่ยวกับฟุตบอลทีมชาติ

เด็กคือความหวังในอนาคตของชาติ เพราะเมื่อเราแก่ก็จะมีเด็กนี่แหล่ะที่จะมาแทนเราในอนาคต เพราะฉะนั้นการให้ความสำคัญกับเด็กคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มีอะไรที่ดีเราก็ควรจะปลูกฝังไว้แต่เด็ก เพราะตอนเป็นเด็กเป็นช่วงเวลาที่สอนง่ายที่สุด ถ้าสอนดีเด็กก็จะดีไปเลยแต่ถ้าสอนไม่ดีเด็กก็จะไม่ดีเหมือนกัน เพราะอนาคตของเด็กก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่แล้วว่าจะสอนไปทางไหน

เด็กกับวงการฟุตบอล

กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่จำกัดอายุและเพศ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไร เราก็สามารถเล่นฟุตบอลได้เหมือนกัน ซึ่งการที่เราจะสร้างทีมฟุตบอลที่ดีในอนาคตนั้นเราก็ควรจะฝึกนักฟุตบอลตั้งแต่เด็ก เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่เหมาะสมแก่การฝึกมากที่สุด ในวัยเด็กยังไม่มีภาระอะไรมากมาย มีแค่เรียนและเล่น จึงเหมาะแก่การฝึกสอนมากเพราะถ้าเล่นฟุตบอลเป็นแต่เด็กมันก็จะได้เปรียบคนที่มาเล่นบอลตอนโต เพราะทักษะเรามีมาตั้งแต่เด็กก็เหลือแต่ประสบการณ์ที่เด็กจะต้องมาหาเอาเอง

ซึ่งสิ่งที่ทำให้เด็กทุกคนที่เล่นบอลมาด้วยกันแต่มีความแตกต่างกัน นั้นก็คือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของเด็กยกตัวอย่างเช่นชับปุยส์กับเนมาร์ตอนเด็กเคยเล่นฟุตบอลทีมเดียวกัน แต่ทำไมเนมาร์ถึงไปไกลกว่าชับปุยส์ ก็เป็นเพราะโอกาสและประสบการณ์ของเนมาร์มีมากกว่าชับปุยส์

และสิ่งที่ไม่ควรปลูกฟังให้เด็กในการเล่นฟุตบอลก็คือการที่บอกกับเด็กว่าเก่งแล้วเก่งกว่าคนนั้นอีกเก่งกว่าคนโน้นอีก ซึ่งถ้าเด็กได้รับการปลูกฝังอย่างนี้จะทำให้เด็กหลงตัวเองและเมื่อเด็กหลงตัวเองก็จะทำให้เด็กลืมมองตัวเองคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดการไม่ตั้งใจซ้อมไม่อยากจะวิ่งอยากจะเล่นแค่ฟุตบอล เพราะคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว

ดูอย่าง โรนัลโด้ โดนดูถูกสารพัดจากครอบครัวและคนอื่นว่าไม่สามารถเป็นนักบอลได้หรอก แต่โรนัลโด้ก็เอาคำดูถูกมาเป็นพลัง ยิ่งมีคนดูถูกก็ยิ่งซ้อมมากกว่าคนอื่น จนตอนนี้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุด นี่แหล่ะเด็กกับวงการฟุตบอล ยิ่งปลูกฝังดีเด็กมันก็จะดีไปด้วย และสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือ การบังคับเด็กให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เพราะถ้าเขาไม่ชอบซ้อมให้ตายก็ไม่เก่ง

ความฝันของเด็กไทยที่มีต่อฟุตบอล

มีเด็กน้อยในหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากในเมืองแต่ชอบเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ พอได้ถามเขาว่าน้องเล่นฟุตบอลทำไม น้องก็ตอบว่าก็มันสนุกอ่ะ เมื่อถามต่อว่าและมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักบอลนักบอลทีมชาติไหม เด็กก็ตอบมาทันทีว่าอยากสิ แต่มันคงยากเพราะใครจะมาสนใจเด็กบ้านนอกอย่างหนู พ่อแม่หนูก็ไม่ค่อยสนใจ แค่หนูได้เล่นไปวันวันอย่างนี้ดีแล้ว พอได้ฟัก็คิดเลยว่าถึงน้องจะมีพรสวรรค์ก็ตาม แต่ขาดโอกาสที่จะสนับสนุนจากผู้ใหญ่ความฝันของเด็กก็จะเป็นได้แค่ความฝันเหมือนที่เราได้กล่าวมา

สิ่งสุดท้ายและความใฝ่ฝันของนักฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีข้อบังคับให้ใช้ผู้เล่นข้างละ 11 คน มีเวลาในการแข่งขัน 90 นาที ไม่รวมช่วงทดเวลาและในช่วงที่แข่งกันอยู่นั่นทีมไหนทำประตูได้มากกว่าก็ชนะไปในบางการแข่งขันเมื่อทำประตูได้เท่ากันก็เสมอกันไปบางรายการก็ต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งละ 15 นาที ถ้ายังหาผู้ชนะไม่ได้ก็ยิงจุดโทษหาผู้ชนะให้ได้ นี่แหล่ะที่เรียกว่ากีฬา “ฟุตบอล”

สิ่งสำคัญของฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันเป็นอย่างมากไม่มีหรอกที่จะเล่นคนเดียวแล้วทำให้ทีมชนะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม อย่างเช่น เมสซี่ ทำไมเวลาอยู่กับสโมสรถึงประสบความสำเร็จได้อย่างมากมายแต่ทำไมมาเล่นให้ทีมชาติถึงไม่ประสบความสำเร็จเลยนั่นแหล่ะคือคำตอบฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีมไม่ใช่แค่คนเล่น 11 คนเท่านั้นแต่มันรวมถึงโค้ชด้วยที่มีผลทำให้ทีมชนะและผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่สำคัญก็คือ “กองเชียร์”

ฟุตบอลนั้นกว่าจะมาตั้งเป็นทีมสักทีมหนึ่งได้นั้นมันยากมาก ไหนจะต้องหาโค้ชมาพอหาโค้ชได้แล้วก็ไปหานักเตะต่อพอไปหานักเตะก็ต้องมาซ้อมลงทีมก่อนว่ามีใครเล่นดีบ้างจากนั้นก็คัดมาเป็นตัวจริง 11 คน และต้องมาเลือกว่าใครควรเป็นตัวสำรองไหนก่อนจะลงแข่งจริง ๆ ก็ต้องรอดูอีกว่านักฟุตบอลตัวจริงนั้นมีคนไหนมั่งที่ร่างกายไม่พร้อมเล่นถ้าไม่พร้อมก็ต้องหาตัวมาแทนที่แต่พอถึงวันจริงแล้วสิ่งที่เตรียมมาเป็นเดือนจะมาตัดสินกันภายใน 90 นาที ซึ่งในเวลาช่วงนี้แหล่ะเป็นช่วงที่ทดสอบนักฟุตบอลของจริงซึ่งที่ซ้อมมาหลายเดือนอาจไม่มีค่าถ้าในวันจริงเราไม่ตั้งใจเล่นนี่แหล่ะคือชีวิต “นักฟุตบอล”

ความต้องการของนักฟุตบอล

เชื่อว่านักฟุตบอลก็ต้องมีความต้องการที่จะเป็นที่หนึ่งในวงการให้ได้แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังตัดสินไม่ได้ว่า “เมสซี่” กับ “โรนัลโด้” ใครคือที่หนึ่งกว่าจะตัดสินกันได้ก็จะมีเด็กยุคใหม่ขึ้นมาแทนและคนเก่าก็จะเป็นได้แค่ตำนานผลสุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าใครคือที่หนึ่งซึ่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่นักฟุตบอลต้องการจริง ๆ ก็คือเงินและชื่อเสียงตอนเริ่มเตะใหม่ ๆ ก็ต้องการชื่อเสียงพออยู่ไปนาน ๆ ก็ต้องการเงินและพอเริ่มถึงบั่นปลายแล้วบางคนก็จะผันตัวมาเป็นโค้ชบางคนก็มาทำงานที่เกี่ยวกับฟุตบอลอย่างเช่น เทรนเนอร์ หรือ เปิดอะคาเดมี่เป็นของตัวเอง เป็นต้น เพื่อที่จะได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักไปให้นานที่สุดแม้ตัวจะไม่ได้เล่นแต่ขอให้ได้อยู่เคียงข้างไปกับมันก็พอใจแล้วนี่แหล่ะคือคนที่รักมันจริง ๆ ถึงจะไม่ได้เป็นผู้เล่นแต่ขอให้ได้อยู่กับมันจนวินาทีสุดท้ายก็พอใจแล้ว