“อยู่เมืองดัดจริต ชีวิตต้องมโน” จิตแพทย์เผยคนไทยยุคนี้เป็นโรคขี้มโนกันมาก

                โรคคิดเอาเอง โรคหลอกตัวเอง โรคหลอกคนอื่น หรือเรียกให้เข้าใจทั่วกันว่า “โรคขี้มโน” นั้นมีสาเหตุมาจากปมด้อยวัยเด็ก ที่ตนเชื่อฝังหัวว่าไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จนพยายามกุเรื่อง สร้างเรื่องขึ้นมาให้ตัวเองดูน่าสนใจ และบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ไม่มีมูลความจริงเอาเสียเลย โดยโรคนี้ทางการแพทย์เรียกว่า Pseudologia fantastica หรือโรคที่ผู้ป่วยมักจะอยู่ในจินตนาการของตนเป็นครั้งคราว และแสดงออกต่อผู้อื่นว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง

โดยจิตแพทย์เผยว่าปัจจุบันคนไทยเริ่มเข้าข่ายเป็นโรคชนิดนี้กันมากขึ้น เนื่องมาจากความต้องการสร้างภาพให้ดูดีในโลกออนไลน์ การแสดงออกถึงความสมบูรณ์แบบของตนทางโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้สามารถเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่คนยุคใหม่ป่วยเป็นโรคขี้มโนได้มาก ซึ่งจะเห็นได้จากข่าวที่คนบางกลุ่มหรือบางคนสร้างเรื่องราวขึ้นมาจนกลายเป็นประเด็นใหญ่โต

ถ้าพูดถึงชื่อ “บอย สกล” หลายคนน่าจะร้องอ๋อและจำได้ว่าคน ๆ นี้เป็นนักสร้างเรื่องมืออาชีพ ที่ปลอมตัวว่าเป็นนิสิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเพื่อน ๆ จนไม่มีใครเอะใจเลย ว่าเขาไม่ได้ศึกษาในสถาบัณแห่งนี้ การโพสต์ข้อความและรูปทางโซเชียลมีเดียที่บ่งบอกว่าเขาเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทำให้หลายคนเชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ซึ่งรวมไปถึงครอบครัวและญาติพี่น้องของเขาด้วย ที่ไม่มีใครเอะใจเลยว่าบอยกำลังโกหกทุกคนอยู่ จนกระทั่งเรื่องแดงขึ้นจากเพื่อนของเขาเอง ที่ออกมาแฉว่าทั้งหมดเป็นแค่เรื่องหลอกลวง อีกทั้งบอยยังเคยโกงเงินค่ากิจกรรมกว่าแสนบาท จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดชลบุรีแล้วชิ่งหนีด้วยการลาออก ส่งผลให้เรื่องของเขาเป็นมหากาพย์ของการมโนอยู่พักใหญ่

อีกหนึ่งเหตุการณ์ของการมโนที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันก็คือ เหตุการณ์ของดาราสาวที่ออกมาแถลงข่าวกับแฟนหนุ่ม ที่กำลังจะมีผลงานทางทีวีว่าตนท้อง จนคนทั้งประเทศต่างก็พากันให้กำลังใจเธอและด่าแฟนหนุ่มยกใหญ่ เรื่องการไร้ความรับผิดชอบ จนกระทั่งชาวเน็ตเริ่มขุดคุ้ยและถามไถ่เรื่องการฝากครรภ์ แต่ก็ถูกดาราสาวปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามอยู่ตลอด ไม่นานความจริงก็ปรากฏขึ้นจากการแฉของเจ้าของฉี่ที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งดาราสาวขอไปตรวจก่อนหน้านี้เพื่อสร้างหลักฐานเท็จ ส่งผลให้ฝ่ายชายต้องจ้างทนายความฟ้องเธอฐานทำให้เสียชื่อเสียง และในที่สุดดาราสาวก็ออกมาสารภาพว่าเรื่องทั้งหมดเธอโกหก เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายชายเลิกรากับเธอ

โรคขี้โกหกหรือโรคขี้มโนนั้นสามารถรักษาให้หายได้ โดยการอยู่กับปัจจุบันและพูดความจริงทุกครั้งที่สื่อสารกับคนรอบข้าง โดยจิตแพทย์อาจให้ยาคลายเครียดกลับไปรับประทาน แต่ผู้ป่วยเองก็ควรรู้ตัวเองและต้องอยู่กับความจริงเป็นหลัก เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาอีก