ในรอบปีที่ผ่านมีข่าวออกมาให้แฟนคลับสะเทือนใจกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเสียชีวิตของ เชสเตอร์ เบนนิงตัน นักร้องนำวงร็อคระดับโลก Linkin Park เมื่อกลางปี 60 และตามมาด้วยกรณีข่าวการชีวิต ของ คิม จงฮยอน นักร้องเกาหลีชื่อดัง สมาชิกวง SHINee เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว ทั้งสองกรณีดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจและกลายเป็นเรื่องช็อกระดับโลก เพราะนักร้องดังทั้งสอง จากโลกนี้ไปด้วย “ฆ่าตัวตาย” โดยมีสภาวะเดียวกันคือ อาการซึมเศร้า หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โรคซึมเศร้า” ซึ่งข่าวดังทั้งสอง ส่งผลต่อสภาพจิตใจของแฟนคลับ และผู้ที่ได้ยินเรื่องราว จนกลายเป็นกระแส ที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ และรณรงค์ร่วมป้องกันโรคซึมเศร้า วันนี้เราขอเป็นอีกหนึ่งพลังเสียง ที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคซึมเศร้าให้ดีกว่าเดิม รวมทั้งแนวทางการป้องกันโรคนี้ เพื่อที่เราจะได้เข้าใจได้มากขึ้น
รู้ไว้ก่อนโรคซึมเศร้าคืออะไร?
โรคซึมเศร้า เป็นโรคหนึ่งซึ่งสามารถเกิดได้ในช่วงชีวิตของเรา ไม่ต่างจากโรคทางกายอื่น ๆ ซึ่งมี สาเหตุมาจาก 2 ปัจจัยหลักได้แก่
1.ปัจจัยทางชีวภาพหรือพันธุกรรม สารเคมีในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ความผันผวนของระดับฮอร์โมนสำคัญ สืบทอดมาจากพ่อแม่สู่ลูก
2.ปัจจัยด้านจิตใจหรือสิ่งที่แวดล้อมที่เรียกว่าปัจจัยทางอารมณ์ การพบเจอเหตุการณ์ ต่าง ๆ เช่น ความผิดหวัง การหย่าร้าง สูญเสียคนรัก เป็นต้น
ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกว่าคนซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า คนผู้นั้นจะเป็นคนอ่อนแอไม่สู้ ไม่มีความสามารถ แต่เป็นเพียงการเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง ที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการใช้ยา และการรักษาทางจิตใจร่วมกัน โรคซึมเศร้า เหมือนภัยเงียบที่ไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน ที่เป็นสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ปัจจัยสำคัญที่ทำกระตุ้นให้เกิดอาการซึมเศร้าได้แก่ ความตึงเครียด และสภาพจิตใจย่ำแย่ที่ถูกสะสมมานาน โดยส่วนมากคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะเริ่มเป็นตอนอายุ 25 ปีขึ้นไป
การป้องกันโรคซึมเศร้า
สำหรับผู้ที่เริ่มเครียด นอนไม่ค่อยหลับ หงุดหงิดไม่มีสมาธิ รู้สึกหาทางออกไม่เจอ ก่อนที่จะเข้าสู่สภาวะซึมเศร้า เราสามารถป้องกันตัวเองด้วยได้ ด้วยวิธีเหล่านี้
ทำสมาธิ การทำสมาธิช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้คลื่นสมองผ่อนคลาย หัวใจเต้นเป็นปกติ ควบคุมสมดุลของเคมีต่าง ๆ ได้ดี สามารถทำได้ ทั้ง นั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์ หรือเย็บปักถักร้อยก็เป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง
พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกาย ไม่หมกมุ่นคิดมาก ถ้ารู้สึกว่าเครียด หรือเหนื่อยล้า ให้หากิจกรรมที่ตัวเองชอบทำเพื่อผ่อนคลาย เช่น ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง เป็นต้น
เมื่อรู้สึกตัวว่าเราอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีความสุขกับชีวิตซะแล้ว ต้องไม่บังคับตัวเอง หรือบีบให้ทำในสิ่งที่ยากเกินไป ต้องค่อย ๆ ทำ ไม่กดดัน และที่สำคัญต้องยอมรับว่า อาการซึมเศร้าไม่ใช่โรคร้าย และไม่ใช่ตัวหลักที่จะทำให้เราอ่อนแอ และควรกล้าที่จะไปพบแพทย์